ของฝาก จากดึกดื่นคืนฝนพรำ : พ่าย (๑๕/๐๖๒๕๒๘)

เรื่องสั้น

ละอองฝนโปรยปรายผ่านม่านหน้าต่างเข้ามา ค่ำคืนของฤดูกาลเพาะปลูก ต้นไม้ใบหญ้าเริงรื่นรับฝนใหม่ หัวใจของผู้คนสดชื่น หยาดน้ำหล่นร่วงลงจากใบหูกวาง น้ำในบึงเอ่อท้นตลิ่ง ผักบุ้งชูช่อออกยอดอ่อนออก ทอดเลื้อยยาวไกลสุดลูกหูลูกตา…

ฉันนั่งอยู่ตรงนี้ริมบานหน้าต่างแตกหัก เสียงขลุ่ยเหงาเหงาล่องลอยมาแต่หนใด ไกลแสนไกล เออหนอ! หัวใจผู้คนช่างเศร้าสร้อยเสียจริง ม่านมุ้งที่หลับที่นอนยับย่น ดวงดาวไกลลิบลับทอประกายแสงนวลอบอุ่น เสียงขลุ่ยเงียบหายไปแล้ว คงหลับไหลลืมเลือน ความเหงาหงอยแผ่ซ่าน ดวงใจยิ่งกลับเงียบเหงาวังเวง คงเพราะเสียงขลุ่ยที่เป็นเพื่อนยามดึกดื่นราร้างห่างหาย…

แมงสาบขาหักตัวเดิมคืบคลานช้าช้า มาหยุดที่หน้าต่าง เงยหน้าทักทาย แล้วขยับหนวดคลานต่อไปอีก…

ลมหอบหนึ่งจากภายนอก พัดพาภาพเขียนเก่าเก็บปลิวหล่นจากชั้น ฉันหยิบขึ้น ปัดฝุ่นให้หายหมอง ภาพที่ลางเลือนก็ปรากฏ เป็นภาพ “…หญิงชรา กับห่อผ้าข้างถนน…” ฉันเขียนไว้นาน นานเสียจนลืมไปแล้วว่า ผู้คนมากมายขาดแคลนความรักมอบให้แก่กัน ยายคงมาตามหาความรัก จนถึงสังคมสับสนหมุนวนแห่งนี้ ความเหงาจากท้องทุ่ง ยิ่งเหงามากขึ้นไปอีก เพราะยายมาเหี่ยวเฉาเหงาหงอยอยู่ในเมือง ท้องทุ่งคงชุ่มฝน ปลาช่อนคงแหวกว่ายอยู่เต็มคลอง หรือเพราะว่า เมืองฟ้าอมรร้อนรนจนไร้รักไปแล้ว…

ถามตัวตน…เหงาบ้างไหม

ตอบ คงเหงาบ้างเหมือนกัน ดึกดื่นขนาดนี้

ถาม ทำไมต้องมองดวงดาวบนฟ้าพราวนั่น

ตอบ เพราะรักท้องฟ้า ฟ้าโอบคลุมปกป้อง และท้องฟ้าเป็นของทุกคน

ส่วนดาวนั่น ล้วนเป็นหมู่ดาวเดียวกัน ที่ผู้คนเฝ้ามอง และฝันถึง

ถาม คิดถึงใคร

ตอบ ก็คง ใครสักคน…
.
.
.
ดวงดาวแขวนอยู่บนฟ้าไกลลิบลับ ไม้บรรทัดคงวัดไม่ได้ว่าไกลแค่ไหน แต่ดูเหมือนกับใกล้แค่เอื้อมนี่เอง จะหยิบมาแขวนไว้ใต้ชายคาฝัน สักวันหนึ่ง…

มันก็แค่นั้น เพียงแค่ใจใฝ่ถึง…

ลมเย็นเย็นพัดมาเบาๆกระทบเข้าที่ใบหู เบาจนเป็นเสียงกระซิบ กระซิบบอกให้รู้ ให้รู้ว่า …มีใครบางคนฝันถึง… หากเพียงแต่ว่า ฉันก็ยังคงนั่งอยู่ริมหน้าต่างแตกหักเพียงลำพัง…
.
.
.
เสียงขลุ่ยดังแว่วมาอีก สายฝนยังคงโปรยปรายลงมาเบาเบา แสงสว่างภายนอกมาจากต้นกำเนิดสองแห่ง คือไฟฟ้าทางเดิน กับแสงดาว ในโลกแห่งเทคโนโลยี แสงสีพราวพราย แสงดาวมักลับเลือนหาย คงเพราะอายในความชาญฉลาดของ…คน…

แมลงสาบขาหักคืบคลานกลับมา คงย้อนคืนเรือนรัง ดึกดื่นแล้ว ยังออกหากินอีกหรือนี่ เขา…หยุดมอง แล้วคลานต่อไปช้าช้า คงเป็นเพราะ ขาหัก เอาหละ แล้วถ้าว่างจะทำไม้เท้าให้สักอัน โลกมันเหงานักรึไง…ฉันนึก “…ก็คน มันหยิ่งนักนี่…” โลกตะโกนตอบกลับมา…
.
.
.
ใบหูกวางแก่ชุ่มน้ำ ร่วงหล่นกลางสายฝนพรำ

ผู้เฒ่าผู้แก่อีกมากมายคงร่วงหล่น

เพราะหยาดฝน และ สายลมเหน็บหนาว

ดั่งใบหูกวางร่วงหล่น กลางสายฝนโปรยปราย…
.
.
.
อากาศเย็นลง หยิบผ้าห่มคลุมตัว เหม่อมองออกนอกหน้าต่าง ต้นหูกวางโดดเดี่ยวยืนตากฝน

คิดถึง ผู้คนหลากหลาย ที่โดดเดี่ยวทุกข์ทนกลางสายฝน…กับ เธอ อีกคนหนึ่ง

ที่หลับไหลอยู่ใต้ผ้าห่มหนา…

อยากหลับฝันอยู่ใกล้ใกล้

ให้ดาวดวงน้อยได้เห็น

บางสิ่งอย่าง…ก็มิอาจพูด

ได้แต่ซ่อนไว้ด้วยความคิดคำนึง

ฝากสายฝนไป…กับความฝัน

ให้โปรยปราย ชุ่มชื้นผ้าห่มนอน

จะได้ เหน็บหนาวสั่นไหว

จะได้คิดถึงผู้คนที่ไม่มีผ้าห่มเช่นเธอ…
.
.
.
ฝนหยุดตก เหลือเพียงสายลมเย็น เสียงขลุ่ยเงียบลง เป็นเพราะจบเพลง บทเพลงจำเป็นต้องมีบทจบ เช่นกันกับชีวิตผู้คน พรุ่งนี้จะนำพายามเช้ามาเยือน บอกอำลาดาวเดือนพร่างพราย สัญญาว่าจะมาพบกันอีกค่ำคืนวันพรุ่ง แต่จะไม่ตื่นนอนตอนดึกดื่นอีก เพราะ มัน…เหงาเกินไป…