บันทึกครูกาญจน์ : ภู่กัญจน์

เรื่องสั้น

ในสมัยที่ฉันเรียนมหาวิทยาลัย ฉันเคยตั้งปณิธานไว้ว่า ฉันจะต้องทำงานอุทิศตนเพื่อสังคม และได้รับการสรรเสริญจากคนในสังคมกับเขาบ้าง มันคงจะดูดีไม่ใช่เล่นที่คนจะมองว่าฉันเป็น “ผู้ปฏิบัติหน้าที่อันยิ่งใหญ่” เช่นนั้น …..บางที….การเป็นครูบ้านนอก สอนหนังสือเด็กชาวเขา….ก็คงจะดีไม่น้อยเลย

จนกระทั่งวันนี้…เป็นวันแรกที่ฉันจะได้เริ่มปฏิบัติหน้าที่อันยิ่งใหญ่ ซึ่งฉันใฝ่ฝันมานาน นั่นก็คือฉันได้เป็นครูสอนหนังสือนักเรียน ในโรงเรียนมัธยมแถบชานเมืองแห่งหนึ่ง แม้มันจะไม่ใช่โรงเรียนบ้านนอกอย่างที่ใจต้องการ แต่มันก็คงจะดีกว่าการทำงานบริษัทเอกชนซึ่งมุ่งเพียงการแสวงหากำไร โดยไม่คำนึงถึงสังคม หรือจะมีบ้างก็เล็กน้อยเสียเหลือเกิน คิดแล้วก็รู้สึกดีใจที่ลาออกจากบริษัทมาทำงานเป็นอาจารย์รับเงินเดือนเพียงกระจิดริด

จริง ๆ แล้ว ฉันจะต้องสอนวิชาสังคม แต่อาจารย์ใหญ่บอกให้ฉันช่วยประจำฝ่ายแนะแนวก่อน เพราะอาจารย์ที่รับผิดชอบก่อนหน้านี้ได้ลาออกอย่างกระทันหัน และไม่มีใครทำแทน ซึ่งฉันก็ว่าดี เพราะจะได้ศึกษานิสัยเด็กไปพราง ๆ ก่อน

ฉันมาถึงห้องแนะแนวไม่เช้ามาก และนั่งอยู่ในห้องนั้นเพียงลำพังคนเดียว คนเดียวจริง ๆ และแม้จะสายกว่านี้ก็จะไม่มีใครมานั่งเพิ่มเติมอีก เพราะว่าที่นี่ฝ่ายแนะแนวมีอาจารย์เพียงหนึ่งคนเท่านั้น น่าแปลกใจจริง ๆ ว่าทำไมอาจารย์ใหญ่ถึงไว้ใจให้คนไม่เคยสอนหนังสืออย่างฉันรับผิดชอบงาน โดยไม่มีอาจารย์อาวุโสคอยดูแลอยู่ในฝ่ายเลย

ช่วงเช้ายังไม่มีชั่วโมงแนะแนว ฉันค่อย ๆ จัดโต๊ะทำงานของฉันไปเรื่อย ๆ โดยเริ่มจากการเปิดดูเอกสารเก่า ๆ บนโต๊ะ ที่พอจะเป็นบริบทให้ฉันทำงานได้อย่างต่อเนื่องกับทิศทางเดิมที่วางไว้ น่าจะถือว่าเป็นโชคดีของฉันที่เจ้าของงานเดิมจัดการทุกอย่างไว้อย่างเป็นระเบียบ และง่ายต่อการติดตามงาน จนไม่น่าเชื่อว่าจะเป็นการลาออกอย่างกระทันหันได้เลย ฉันละจากเอกสารมาเปิดลิ้นชักชั้นบนสุดของโต๊ะทำงาน เห็นการ์ดอวยพรปีใหม่อยู่หลายใบ “คงจะเป็นการ์ดที่ศิษย์เก่าส่งมาให้ละกระมัง” ฉันคิดในใจ

“เป็นยังไงบ้างล่ะ” เสียงทักทายของชายวัยกลางคนทำให้ฉันเปลี่ยนความสนใจจากการ์ด กดมือวางมันลงบนโต๊ะ และเงยหน้าขึ้นมองตามเสียงทักทายนั้น เป็นอาจารย์ใหญ่นั่นเอง

“นั่นคงเป็นการ์ดอวยพรปีใหม่ของครูกาญจน์ล่ะสิ” อาจารย์ใหญ่เหลือบเห็นการ์ดอวยพร และเอ่ยปากถามฉัน ก่อนที่จะพูดต่อไป”เด็กคงจะยังไม่รู้ เพราะเธอออกไปก่อนปีใหม่ไม่กี่วัน ธุรการก็แย่จริง ยังเอามาไว้ที่โต๊ะเธออีก” เขาพูดพรางส่ายหัวไปมา

“กุ้งยังไม่ได้เปิดดู แต่คิดว่าคงใช่มั้งคะ เพราะอยู่ในโต๊ะของเธอ แต่ไม่เป็นไรหรอกค่ะ เอาไว้ที่นี่ก่อนก็ได้ เดี๋ยวเผื่อเธอกลับมาจะได้ให้เธอได้” ฉันตอบ

“ไม่เป็นไรหรอก ดูว่าใช่หรือเปล่า ถ้าใช่ก็จะได้ให้ธุรการจัดส่งไปให้เธอซะ” เขาหยุดพูด และคิดอะไรอยู่พักหนึ่งแล้วพูดต่อ “เด็กหลายคนรักครูกาญจน์มากนะ คงเป็นเพราะเธอมีจิตวิญญาณของความเป็นครูที่แท้จริงนั่นแหละ” ฉันฟังแล้วรู้สึกขนลุกซ่านไปทั้งตัว ในใจพรางนึกไปว่า “โอ้โฮ มีจิตวิญญาณของความเป็นครูที่แท้จริง นี่ขนาดเข้ามาวันแรกก็มีออร์เดิร์ฟบุคคลตัวอย่างมาให้ได้ลิ้มรสแล้วหรอ ?…. แต่….. แย่จัง! เธอลาออกไปเสียแล้ว ทำไมเธอถึงต้องลาออกด้วยนะ?”

“คุณเองก็เหมือนกัน ผมเชื่อว่าผมดูคนไม่ผิดนะ” คำพูดของอาจารย์ใหญ่หยุดความคิด และคำถามในใจทั้งหลายของฉัน ให้ฉันกลายเป็นมนุษย์หินนิ่งอึ้งไปชั่วขณะ “เอ่อ….ค่ะ จะพยายามค่ะ”

“อืมม์” เขาสืบท้าวถอยไปก้าวหนึ่งก่อนที่จะหมุนตัวหันเดินออกไปช้า ๆ และหยุดตรงหน้าประตู “อยู่คนเดียวอย่าเพิ่งเหงานะ”

“ค่ะ”

เพราะเหตุที่เขามองฉันเช่นนี้หรือ? ที่ทำให้เขามอบหมายให้ฉันสืบทอดงานของครูกาญจน์อย่างไม่ต้องลังเลใจ ความภูมิใจเล็ก ๆ เริ่มเกิดขึ้น และอุดมการณ์อันแรงกล้าแผ่ซ่านไปทั่วร่างกาย กระตุ้นให้ฉันทำงานอย่างว่องไว ฉันไล่เปิดลิ้นชักโต๊ะครูกาญจน์จนถึงชั้นล่างสุด พบสมุดบันทึกสีแดงหม่น ๆ เล่มหนา พอง และเกือบจะหลุดเพราะการเปิดบ่อย

18 มิถุนายน 39

อาจารย์ชนัตถ์เป็นอาจารย์ที่กาญจน์รู้สึกว่าเขาเป็นคนทุ่มเทให้งานอย่างมาก และวันนี้กาญจน์ก็แน่ใจแล้วว่าเขาเป็นคนอย่างนั้นจริง ๆ เพราะวันนี้โรงเรียนได้มอบรางวัลครูดีเด่นให้เขา กาญจน์จะเอาเขาเป็นตัวอย่าง….

25 กุมภาพันธ์ 40

….เขายังคงเป็นวีรบุรุษในใจใครหลาย ๆ คน เพราะนี่เป็นอีกครั้งหนึ่งที่เขาสามารถกลับใจเด็กนักเรียนให้เลิกยาเสพติดได้ และยังพาตำรวจไปทลายแหล่งซ่องสุมยาเสพติดด้วย….

ด้วยความอยากรู้อยากเห็นเรื่องของคนอื่น แต่ก็กลัวว่าถ้าอาจารย์ท่านอื่นมาเห็นเข้าจะไม่เหมาะสม ฉันจึงพลิกหน้าสมุดข้ามไปข้ามมาอย่างลวก ๆ และเลือกอ่านเฉพาะบางหน้า

29 ธันวาคม 40

การเป็นอาจารย์นี่ ไม่ใช่แค่เพียงถูกคุกคามด้านเศรษฐกิจจากเงินเดือนที่น้อยนิดเท่านั้น แต่กลับต้องถูกคุกคามด้านความปลอดภัยในชีวิตจากบรรดาโจรยาเสพติดอีก ซ้ำร้ายยังไม่เว้นคนรอบข้างอันเป็นที่รักของเขาด้วย

อาจารย์บุปผชาติมาเล่าให้กาญจน์ฟังว่า เมื่อวันคริสต์มาสที่ผ่านมาคุณแม่ของอาจารย์ชนัตถ์ได้รับโทรศัพท์ขู่ฆ่าจากแก๊งค้ายาเสพติด และเล่าให้อาจารย์บุปผชาติฟังขณะเจอกันในตลาด อาจารย์บุปผชาติจึงแนะนำให้คุณแม่ของเขาย้ายหนีไปอยู่ที่อื่นเสีย และเขาก็ได้จัดแจงให้คุณแม่ของเขาเรียบร้อยแล้ว แต่สำหรับตัวเขาเองก็ยังคงยืนหยัดปฏิบัติหน้าที่อย่างแข็งขันเช่นเดิม กาญจน์อยากจะเข้าไปมีส่วนร่วมแก้ปัญหากับเขาจริง ๆ

30 มกราคม 41

หลังจากที่เราได้คุยกันถึงเรื่องการแก้ปัญหายาเสพติดของเด็กมาหลายครั้ง วันนี้ก็ได้ผลสรุปว่ากาญจน์และอาจารย์ชนัตถ์จะประสานงานกันอย่างเป็นกระบวนการเพื่อแก้ปัญหายาเสพติด

….อาจารย์ชนัตถ์ กาญจน์จะยืนเคียงคู่อาจารย์ตลอดไปค่ะ

23 กันยายน 41

ตอนกลางวันหลังจากที่กาญจน์แนะแนวเด็กม.2 เพื่อเลือกแผนในปีถัดไปแล้ว ภาคภูมินักเรียนห้อง 2/3 ก็เข้ามาปรึกษากาญจน์ เราใช้เวลาคุยกันอยู่นานจึงรู้ว่า บ้านของภาคภูมิมีฐานะค่อนข้างยากจน แต่ผลการเรียนของเขาก็อยู่ในเกณฑ์พอใช้ เมื่อไม่กี่เดือนที่ผ่านมาครอบครัวเริ่มมีปัญหา จึงหนีปัญหาโดยการไม่กลับบ้าน และไปเที่ยวกับเพื่อน หนักเข้าจึงลองเสพยา และเลิกไม่ได้ ทำให้ผลการเรียนตกต่ำ แต่ด้วยความเป็นเด็กดีมาก่อน เมื่อถูกกระตุ้นเรื่องเรียนเข้า ก็อยากกลับใจ แต่ยังขาดที่ปรึกษาที่ไว้ใจได้ นี่ไม่ใช่เด็กติดยากลับใจคนแรกที่กาญจน์ได้รับรู้ แต่กาญจน์ก็รู้สึกประทับใจเด็กคนนี้มากเป็นพิเศษ….

29 ตุลาคม 41

….หลังจากที่ไม่พบตัวอาจารย์ชนัตถ์ในตอนเช้า อาจารย์ฝ่ายปกครองท่านอื่นก็รีบโทรไปที่บ้านของเขา แต่ไม่มีใครรับสาย ล่วงเลยไปจนหลังเคารพธงชาติ อาจารย์บุปผชาติซึ่งอาศัยอยู่ใกล้บ้านอาจารย์ชนัตถ์ที่สุด ก็รับอาสาไปตามให้ จึงได้รู้ว่าอาจารย์ชนัตถ์ถูกยิง

ตกตอนเย็นพวกอาจารย์ก็รีบสะสางงานให้เสร็จ และพากันไปเยี่ยมเขาที่โรงพยาบาล เขาถูกยิงที่บริเวณซี่โครงด้านซ้าย คาดว่าฆาตกรตั้งใจจะให้ตาย แต่คนดีพระท่านคงคุ้มครอง และคนชั่วย่อมต้องได้รับกรรมชั่ว คงไม่นานหรอกมันต้องโดนจับ!….

31 ตุลาคม 41

วันนี้เป็นวันหยุด กาญจน์ไปเฝ้าอาจารย์ชนัตถ์ที่โรงพยาบาลแต่เช้าโดยไม่ได้นัดกับใคร เขายังไม่ตื่น เผอิญห้องพักเป็นห้องเดี่ยว กาญจน์จึงนั่งอ่านหนังสือรอไปเรื่อย ๆ ได้อย่างไม่รู้สึกอึดอัด สักพักหนึ่งรู้สึกปวดท้องจึงเข้าห้องน้ำ ขณะที่นั่งอยู่ในห้องน้ำ ก็มีเสียงประตูเปิด และเสียงพูดดังขึ้น

“ไอ้ชนัตถ์” ในใจกาญจน์คิดว่าคงเป็นเพื่อนสนิท แต่ก็ไม่น่ารบกวนคนกำลังนอน

“มึง” เสียงอาจารย์ชนัตถ์เหมือนประหลาดใจระคนกับความกลัว

“ใช่ กูคนที่ยิงมึงยังไงล่ะ” วินาทีนั้นรู้สึกกลัวขึ้นมาทันที กาญจน์นั่งเงียบไม่กล้ากดชักโครก

“ครั้งนี้กูแค่สั่งสอนมึงเท่านั้น แต่ถ้ามึงไม่หยุดกระบวนการของมึงล่ะก้อ….มึง…ตาย” เสียงประตูเปิดขึ้น กาญจน์คิดว่าผู้ชายคนนั้นคงจะเดินออกไปแล้ว

“ไอ้ศิษย์ชั่ว” อาจารย์ชนัตถ์ตะโกนด่าไล่หลัง

“มึงแน่ใจหรอว่ามึงไม่ชั่วน่ะ” เสียงพูดตอบนั้นอยู่ไกลออกไป เหมือนว่าตอนนี้เขาคงหยุดอยู่ตรงหน้าประตูแล้ว กาญจน์นึกในใจอย่าให้อาจารย์ชนัตถ์พูดอะไรบันดาลโทสะมันเลย

“มึง..มันก็ไอ้คนดีแตกแหละวะ” เสียงพูดนั้นกลับใกล้เข้ามาอีกครั้ง “ทำไปทำมาก็เสือกไปร่วมกับแก๊งไอ้เป็ด แล้วให้ไอ้ภาคภูมิมาล้วงความลับจากแก๊งของกู เพื่อจะกำจัดแก๊งของกู แล้วมึงจะเป็นเอเย่นต์ใหญ่รายเดียวหรอวะ” ผู้ชายคนนั้นพูดด้วยน้ำเสียงเดือดดาลขึ้นทีละน้อย

“ไอ้ภาคภูมิมันติดแก๊งมึงอยู่ก่อนแล้ว แล้วมันค่อยมาบอกกูเองนะโว้ย กูไม่ได้วางแผนให้มันไปล้วงความลับแก๊งมึงนะ”

“นั่นแหละ มึงก็ใช้มันเป็นเครื่องมือกวาดล้างพวกกู เพื่อมึงจะได้สบายน่ะสิ” ผู้ชายคนนั้นตวาดเสียงดัง “ว่าไง ไอ้ปากแข็ง” เสียงพูดนั้นเหมือนขบฟันด้วยความโกรธ

“อย่านะ อย่ายิง” เสียงอาจารย์ชนัตถ์สั่นระริกจนรู้ได้ กาญจน์ไม่แน่ใจว่าวินาทีนั้นได้หายใจหรือเปล่า

“ถ้ากูไม่เห็นว่ามึงเคยสอนกูมาก่อน กูเป่ามึงดับแล้ว” สักพักก็มีเสียงปิดประตูดังปัง กาญจน์คิดว่าผู้ชายคนนั้นคงจะออกไปแล้ว แต่สิ่งที่ยังคาใจอยู่ก็คือการสนทนาที่เพิ่งผ่านไปเมื่อสักครู่ ทำให้กาญจน์นั่งคิดอยู่ในห้องน้ำเป็นเวลานาน สุดท้ายกาญจน์ก็ตัดสินใจค่อย ๆ แง้มประตูห้องน้ำออกมา

“อาจารย์ชนัตถ์” กาญจน์เรียกเขาเบา ๆ

“ครูกาญจน์…” เขาทำหน้าแปลกใจ “มาตั้งแต่เมื่อไหร่” กาญจน์เงียบอยู่ ในใจทั้งโกรธ และไม่รู้ว่าจะตอบอย่างไรไปจึงจะดี “ได้ยินเรื่องเมื่อกี้หรือเปล่า” เขาถามต่อ

“ได้ยินค่ะ” กาญจน์ตัดสินใจตอบไป ไม่มีคำพูดอะไรออกจากปากของเขา มีเพียงแววตาที่เย็นชา ไม่หลงเหลือความเมตตาอยู่อีกเลย เขาคงกำลังคิดว่าจะจัดการกับกาญจน์อย่างไร กาญจน์จึงหลบสายตา และเดินไปหยิบกระเป๋าออกจากห้องไป

2 พฤศจิกายน 41

กาญจน์เรียกภาคภูมิมาพบ และลองตะล่อมว่าภาคภูมิรู้เรื่องของอาจารย์ชนัตถ์หรือไม่ และภาคภูมิบอกกาญจน์ว่าขณะที่เขาขอความช่วยเหลือจากกาญจน์นั้น เขาไม่เคยรู้มาก่อน แต่เมื่อกาญจน์ได้ส่งเรื่องของเขาให้อาจารย์ชนัตถ์ ภาคภูมิก็เริ่มเข้าใจอะไรบางอย่างเหมือนกับที่กาญจน์ได้รู้มา และตอนนี้ภาคภูมิต้องเปลี่ยนแก๊งมาอยู่กับอาจารย์ชนัตถ์เพื่อขอยา เพราะแก๊งเดิมจับได้แล้วไม่ยอมปล่อยยาให้ กาญจน์อยากให้ภาคภูมิออกจากวงการ แต่ยังหาวิธีไม่ได้….

17 ธันวาคม 41

ภาคภูมิเสียชีวิตแล้ว เขาไม่อยากเป็นทาสยาเสพติด และยอมหักดิบจนลงแดง ส่วนอาจารย์ชนัตถ์ยังได้รับการสรรเสริญจากคนรอบข้าง เขาไม่แยแสการตายของภาคภูมิ ไม่มีอะไรที่กาญจน์อยากทำมากไปกว่าการลาออกที่คิดไว้อยู่นานเป็นเดือนแล้ว พรุ่งนี้….

ลมพัดเอื่อย ๆ บรรยากาศในห้องแนะแนวเงียบเหงาอึมครึม แต่ในสมองมีเสียงอะไรวุ่นวายสับสนจนจับต้นชนปลายไม่ถูก และไม่รู้จะทำอะไรต่อไปดี