เพื่อสุขภาพ : ตะเฆ่สัน

เรื่องสั้น

เสียงแตรรถยนต์ดังปี๊นๆ แว่วมาจากถนนซอยหน้าร้าน ปลุกให้วุฒิกรตื่นจากอาการสัปหงก เขาบิดขี้เกียจแล้วก้มลงมองดูขบวนมดคันไฟที่เดินเรียงกันเป็นแถวยาวไปตามรอยต่อของพื้นกระเบื้องเซรามิค พวกมันมาจากไหนกัน แถวๆ นี้ไม่มีพื้นดินหรือพื้นอะไรสักอย่างที่ดูเป็นธรรมชาติมากกว่านี้ให้พวกมันเดินแล้วหรือ

เฮ้อ…บ่ายสี่โมงกว่าแล้ว วันนี้เขายังขายของได้ไม่ถึงหนึ่งพันบาทเลย คงต้องรอเย็นๆ หน่อยล่ะมั๊ง พวกคุณลุงคุณป้าทั้งหลายถึงจะออกมาเดินออกกำลังกาย แล้วคงแวะมาดูสินค้าที่ร้านเขาบ้าง

วุฒิกรเปิดร้านขายสินค้าเพื่อสุขภาพมาได้เกือบปีแล้ว แต่เดิมเขาซื้อตึกแถวแถบชานเมืองนี่ไว้หนึ่งคูหาเพราะตั้งใจจะเอาไว้ปล่อยให้เช่าต่อ แต่ช่วงนั้นพอดีว่าเขาเพิ่งลาออกมาจากที่ทำงานเก่า แล้วก็ว่าง ๆ อยู่ ยังหางานใหม่ไม่ได้ และบังเอิญให้มีเพื่อนสนิทที่ชื่อชัยที่ทำสินค้าพวกนี้ส่งซุปเปอร์มาร์เก็ตอยู่ด้วย

“ลื้อรับของอั๊วไปขายสิ แถวนั้นยังไม่มีสินค้าพวกนี้ขายแบบจริงๆ จังๆ เลยนะโว้ย อั๊วไปสำรวจมาแล้ว มีก็แค่ในซุปเปอร์มาร์เก็ตนิดหน่อย พวกชาสมุนไพร พวกแชมพูสมุนไพรนี่ก็ไม่มี คุณภาพก็ไม่ดีแถมราคาแพงอีกต่างหาก …ตอนนี้เรื่องพวกนี้กำลังบูมมากเลยนะโว้ย”

เขาเองก็ได้ยินได้เห็นมาบ้างเหมือนกัน ทั้งเรื่องยาสมุนไพรทั้งกระแสชีวจิต ถ้าเป็นคนไม่ปิดหูปิดตาก็ต้องเคยได้รับข่าวสารพวกนี้บ้างหรอก พอได้มาคลุกคลีศึกษาเรื่องต้นทุนกำไรก็ทำให้เขาตัดสินใจแทบจะทันที ก็ทุกอย่างพร้อมและช่องทางก็เปิดให้แล้วนี่นา

ก่อนเปิดร้านวุฒิกรทำโปรโมชั่นในละแวกนั้นซะอย่างดี ทั้งป้ายโฆษณา ทั้งใบปลิว รายการลดแลกแจกแถมทุกรูปแบบ ยังไงก็ต้องไม่ให้เสียทีที่จบปริญญาตรีด้านการตลาดมา

แต่สองสามอาทิตย์แรกร้านของเขากลับเปิดตัวไม่แรงอย่างที่คิด ลูกค้าส่วนมากเป็นคนสูงอายุ จะมีพวกคนทำงานบ้างก็แทบจะจำหน้าได้ พอได้สอบถามพูดคุยก็พอจะทราบสาเหตุว่าสินค้าของเขายังไม่หลากหลายนัก ทั้งร้านมีอยู่ยี่ห้อเดียว …ก็ยี่ห้อของเพื่อนเขานั่นแหละ

วุฒิกรเลยปรับแผนใหม่ แทนที่จะทำตัวเป็นเพียงแค่สาขาหนึ่งของร้านไอ้ชัย เขาก็เริ่มมองหาแหล่งสินค้าอื่นๆ ด้วย เขาติดต่อผลิตภัณฑ์จากชมรมนั้นชมรมนี้มาลง หาข้าวและสมุนไพรแปลกๆ มาวางโชว์บ้าง

คราวนี้ค่อยยังชั่ว ลูกค้าเดินเข้าร้านมากขึ้น แถมมีบางรายที่ซื้อคราวละมากๆ เหมือนกับจะเอาไปขายต่อด้วยซ้ำ

เมื่อกิจการเริ่มดีขึ้น วุฒิกรก็ต้องทุ่มเทมากขึ้นเป็นลำดับ จากเคยไปๆ มาๆ ระหว่างร้านกับที่บ้านทุกวัน หลังๆ นี่เขาก็เลยมานอนค้างที่ร้านซะเลย กลายเป็นการแยกออกจากบ้านพ่อแม่ที่เขาอยู่มาตั้งแต่เด็กโดยปริยายไป

ถึงแม่ของเขาจะบ่นๆ พอให้ได้ยินบ้างว่ารู้สึกเหงาเมื่อเขาไม่อยู่บ้าน ไหนเจ้าไกร-น้องชายของเขาที่ไปกินอุดมการณ์เป็นครูต่างจังหวัด ก็ดันได้แฟนเป็นครูโรงเรียนเดียวกันเสียอีก คงจะลงหลักปักฐานอยู่ที่โน่นแน่นอนแล้ว แต่อย่างไรเสียเขาก็รู้ดีว่าลึกๆ แล้วทั้งพ่อและแม่ของเขาก็แอบภูมิใจกับกิจการของเขาที่กำลังดีวันดีคืนเหมือนกัน

วุฒิกรยังปรับปรุงร้านของเขาต่อไปอีก เขาหาชุดโต๊ะเก้าอี้มาวางไว้สองชุด เอาหนังสือพิมพ์และวารสารเกี่ยวกับสุขภาพมาวางขาย ทำอาหารมังสวิรัติง่ายๆ น้ำผัก น้ำมะตูม และน้ำอาร์ซีขายทั้งเป็นแก้วและเป็นถุงอีกด้วย ….ลูกค้าสูงอายุหน้าตาคุ้นเคยหลายคนใช้เวลาว่างนั่งอยู่ในร้านของเขา อ่านหนังสือพิมพ์หรือไม่ก็พูดคุยกันถึงคืนวันเก่าๆ

ในบางเวลาร้านของวุฒิกรกลายเป็นที่ชุมนุมของคนว่างงานไป เออ…พวกคนว่างงานที่สนใจการรักษาสุขภาพ

อย่างเฮียเล้งนี่เป็นขาประจำรายสำคัญของเขาเลยก็ว่าได้ แต่จะพูดว่าเฮียแกเป็นคนว่างงานก็ไม่ถูกนัก เพราะแกก็เป็นเจ้าของตัวจริงของร้านให้เช่าวิดิโอที่อยู่ถัดไปอีกสามคูหานี่ ด้วยความที่แกวางมือให้ลูกชายคนโตเฝ้าร้านแทนแกมาพักหนึ่งแล้ว เลยมีเวลาว่างไปโน่นมานี่มากขึ้น เมื่อมีสินค้าเกี่ยวกับสุขภาพมาอยู่ใกล้บ้านมีหรือคนมีอายุอย่างแกจะไม่สนใจ

วุฒิกรเป็นคนชอบดูหนังอยู่เหมือนกัน ช่วงหลังนี่กิจการดีขึ้นแถมต้องเฝ้าร้านเอง เวลาว่างก็น้อยลง ไม่ได้ออกไปดูหนังโรงเหมือนเมื่อก่อนอีก เขาเลยกลายเป็นลูกค้าประจำของเฮียเล้งไปด้วยอีกฝ่ายหนึ่งเสียเลย เมื่อสองฝ่ายมีประโยชน์สอดคล้องกันทำให้มิตรภาพจากการไปมาหาสู่ก่อตัวขึ้นอย่างช่วยไม่ได้ บางครั้งเฮียเล้งก็เอาวิดิโอมาให้เขาดูแลกกับงาดำหรือจมูกข้าวสักห่อก็มี
.
.
.
“พี่ขาซื้อน้ำอาร์ซีผงสองห่อค่ะ” เสียงใสๆ แว่วมาจากหน้าร้าน

เขาเดินออกไปรับเงินพร้อมทักทายลูกค้าเล็กน้อย นักศึกษาสาวสองคนนี่ก็พอจะจัดได้ว่าเป็นลูกค้าประจำเหมือนกัน ถึงพวกเธอจะซื้อแต่อาร์ซีผงสำเร็จรูปก็เถอะ แต่ก็ซื้อเป็นประจำมาหลายอาทิตย์แล้ว

หนุ่มร่างท้วมหน้าคุ้นเคยเดินสวนเข้ามาตอนที่สองสาวน้อยก้าวออกจากร้านไป เขาเหลียวหลังไปมองเด็กสาวทั้งสองไม่วางตา แล้วก็หันมายักไหล่ให้วุฒิกร

“เฮ้อ! เด็กสมัยนี้ทำไมมันน่ารักกันทุกคนเลยวะ ขนาดแต่งชุดนักศึกษายังดูทันแฟชั่นจ๋าเลยว่ะ กระเป๋ายี่ห้อไหนดังงี้ต้องสะพายเหมือนกันหมด เอ…ไอ้ที่เขามาซื้อของร้านมึงนี่ก็เป็นเพราะแฟชั่นด้วยหรือเปล่าวะ ฮะ! ลองนึกภาพน้องพวกนี้ในชุดเสื้อสายเดี่ยวนะ ค่อยๆ เดินมาหามึงช้าๆ ในมือถือแก้วไวน์ …แก้วไวน์แต่ใส่น้ำอาร์ซีนะ แล้วเข้ามาโอบไหล่มึง กระซิบมึงที่ข้างหูว่า ป๋าขา… ดื่มเพื่อสุขภาพนะคะ วุ้ย! นึกแล้วขนลุกว่ะ”

“เฮ้ย! ไอ้วิน อย่ามาพูดถึงลูกค้าของข้าในแง่ลามกนะโว้ย” เขาตวาดปนหัวเราะ

ชายร่างท้วมคนนี้ชื่อกาวิน เป็นเพื่อนเก่าของวุฒิกรตั้งแต่สมัยมัธยม เคยร่วมกินร่วมเที่ยวแบบหัวราน้ำด้วยกันอยู่พักใหญ่ จนเมื่อโตๆ กันขึ้น เมื่อเขามีงานทำเป็นหลักแหล่งและมีหน้าที่ให้รับผิดชอบก็เลยห่างๆ กันออกมาบ้าง

บางเวลาเขาก็นึกอิจฉากาวินเหมือนกัน วันทั้งวันไม่ต้องทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน เกิดเป็นลูกคนรวยเสียอย่าง จนทุกวันนี้มันก็ยังหัวราน้ำอยู่เหมือนเดิม ที่หลังๆ มันกลับมาคลุกคลีกับเขาอีกก็คงเพราะหาเพื่อนเก่าๆ เที่ยวด้วยได้น้อยลงทุกที และให้บังเอิญว่าร้านของเขาก็อยู่ไม่ไกลจากบ้านของเพื่อนเก่าคนนี้นัก กาวินจึงแวะมาชวนออกไปหัวราน้ำด้วยกันเหมือนเมื่อก่อนอยู่ทุกบ่อย ซึ่งนานๆ ครั้งเขาก็ตกปากรับคำเชิญของมันเสียที

“คราวนี้จะเอาชาอะไรไปลองชิมอีกล่ะ” คำถามนี้ของวุฒิกรเป็นคำถามเล่นๆ ที่หวังผลจริงๆ หลายครั้งแล้วที่เขาเฝ้าเกลี้ยกล่อมให้กาวินหันมาสนใจอาหารเพื่อสุขภาพ …เออ สนใจสุขภาพของตัวเองบ้าง จนอาทิตย์ก่อนกาวินก็เริ่มลองจากชารางจืดก่อนเพราะเห็นว่าแปลกดี

“มึงเลือกให้กูก็แล้วกัน” กาวินนั่งลงที่เก้าอี้ใกล้ตัว หยิบหนังสือพิมพ์ขึ้นมาพลิกอ่าน

“นี่เอ็งแวะมาอ่านหนังสือพิมพ์เหรอวะ”

“น่า… ขออ่านแค่ข่าวบันเทิงเท่านั้นแหละ” กาวินหัวเราะ “มึงจำไม่ได้เหรอว่ากูมีนัดกับเฮียเล้งเขาน่ะ ก็เรื่องที่คุยกันไว้อาทิตย์ก่อนไง” เขาควักบุหรี่ขึ้นจุดสูบ เป็นบุหรี่ประเภทไลท์

วุฒิกรพอจะนึกได้เลา ๆ …

“อ้าวๆ มานานหรือยังอากาวิน” เสียงเฮียเล้งตะโกนมาตั้งแต่ยังไม่เข้าร้าน เฮียฉีกยิ้มกว้างทันทีที่โผล่หน้าเข้ามา หน้าเหี่ยวๆ ของเฮียดูยับย่นเข้าไปอีก ในอ้อมแขนของเฮียหอบถุงกระดาษใบเขื่องมาด้วย

“ไหนเอามาดูหน่อยซิเฮีย”

“วิดิโอพวกนี้เฮียไม่มีกล่องไม่มีปกให้ดูหรอกนา ลื้อดูชื่อเรื่องข้างม้วนเอาก็แล้วกัน”

วุฒิกรนึกออกแล้ว เมื่ออาทิตย์ก่อนกาวินแวะมาหาเขาตามปกติ แล้วบังเอิญเจอเฮียเล้งที่กำลังคุยแตกฟองอยู่กับลูกค้าประจำของเขาอีกสองสามคน คุยกันไปคุยกันมาก็เข้าคอกันดี ด้วยความติดทะลึ่งอยู่ พอรู้ว่าเป็นเจ้าของร้านวิดิโอกาวินก็เลยโพล่งถามเฮียเล้งไปว่าที่หลังร้านมี “อย่างว่า” บ้างหรือเปล่า

เฮียเล้งไม่ได้ตอบอะไรทันที ได้แต่หัวเราะแหะ ก่อนจะเผยออกมาว่าก็มีอยู่เยอะเหมือนกันล่ะ พอกาวินเริ่มคุยถึงวิดิโอประเภทนี้ที่เขาได้ผ่านตามาเป็นร้อยม้วนแล้ว เฮียเล้งก็คุยทับว่าที่ร้านเขาก็มีแบบเด็ดๆ ไม่น้อยหน้าใครอยู่ ว่าแล้วก็นัดหมายว่าจะคัดเอามาให้กาวินดู

“คิดแล้วก็แปลกนา ตาแรกๆ อั๊วก็ไม่ได้ตั้งใจจะมีวิดิโอพวกนี้ให้เช่าหรอก แต่เห็นมีคนเข้ามากระซิบถามอยู่เรื่อย ก็เลยลองหามาให้มีมีติดร้านไว้ ทำไปทำมาดันมีคนถามหาเยอะขึ้นเรื่อยๆ สงสัยจะแนะนำกันมา ที่จริงแล้วอั๊วไม่ได้ชอบดูหนังแบบนี้นะ อั๊วชอบพวกหนังบู๊แบบตำรวจจับผู้ร้ายน่ะ มีระเบิด มียิงกัน สะใจดี” เฮียเล้งออกตัวพอไม่ให้เสียผู้ใหญ่

“แหมเฮีย…ไอ้พวกนี้มันก็เป็นหนังบู๊แบบหนึ่งเหมือนกันล่ะน่า” กาวินหัวเราะ ควันบุหรี่ทะลักออกมาพร้อมกับเสียงหัวเราะ ร่างท้วมๆ ของเขาสั่นกระเพื่อม

วุฒิกรลอบถอนใจ นึกอยากให้ธุระของสองคนนี่เสร็จๆ ไปซะทีจะมีลูกค้าอื่นเข้ามาเห็น

กาวินพลิกๆ เลือกๆ วุ่นวายอยู่พักหนึ่ง เขาคัดวิดิโอออกมาห้าหกม้วน

“อาทิตย์หน้าผมเอามาคืนนะเฮีย คิดม้วนเท่าไหร่ล่ะ”

“เอางี้ไหมล่ะ” เฮียเล้งฉีกยิ้มกว้างอีก “ลื้อเอาไปดูก่อน ถ้าม้วนไหนไม่เด็ดลื้อไม่ต้องจ่าย แต่ถ้าม้วนไหนเด็ดอั๊วคิดม้วนละห้าสิบบาท”…ท่าทางเฮียมั่นใจในสินค้าของตัวเองเต็มที่

“เอ้า!… รับคำท้า”

สองคนคุยกันเฮฮา เฮียเล้งหันมาสั่งซื้องาดำและจมูกข้าวอย่างละสองห่อ

วุฒิกรรับเงินแล้วก็ได้แต่ภาวนาให้ช่วงเวลาที่น่าอึดอัดนี้ผ่านไปเสียที ไม่รู้ว่าทำไมต้องใช้ร้านเขาเป็นที่นัดหมายเรื่องธุระแบบนี้ด้วยวะ…

“เออ เฮ้ยไอ้กร ข้าว่าจะถามเอ็งตั้งนานแล้ว …ในร้านเอ็งมีพวกสมุนไพรที่เป็นยาโด๊ปบ้างไหมวะ แบบโด่ไม่รู้ล้มอะไรเนี่ย” กาวินหันมาถามทีเล่นทีจริง ก่อนที่จะกอดคอกับเฮียเล้งหัวเราะร่าออกจากร้านไป
.
.
.
ตกเย็นก็พอมีพวกแม่บ้านและคุณลุงคุณป้าทั้งหลายมาเยี่ยมที่ร้านบ้าง ช่วงหลังนี่ยอดขายของเขาเริ่มคงที่ แถมยังมีทีท่าว่าจะตกลงนิดหน่อยเสียด้วย เอ… หรือมันจะเป็นแค่แฟชั่นอีกอย่างหนึ่งจริงๆ วะ แต่ด้วยยอดแค่นี้เขาก็อยู่ได้สบายๆ ล่ะขอให้รักษาลูกค้าเจ้าประจำให้ได้ก่อนก็พอ แล้วค่อยคิดหาวิธีต่อไป

เกือบสองทุ่มเขาก็เริ่มเก็บร้าน จัดโต๊ะให้เข้าที่ ยกเก้าอี้ขึ้นตั้งบนโต๊ะ ปัดกวาดร้านพอเป็นพิธี แล้วก็เริ่มเช็คสต็อกสินค้า

เสียงเครื่องรถมอร์เตอร์ไซค์ลมาจอดกึกอยู่หน้าร้าน พอวุฒิกรหันไปดูว่าใครมาก็ต้องแปลกใจ

ไกร…น้องชายคนเดียวของเขา ไม่ได้พบหน้ากันปีกว่าดูแปลกตาไปไม่น้อย

“พี่กร เห็นแม่บอกว่าเดี๋ยวนี้รวยใหญ่แล้วเหรอ”

“มายังไงวะไอ้ไกร เข้ามาสิ” วุฒิกรยกเก้าอี้ตัวหนึ่งตั้งให้น้องชายนั่ง และอีกตัวสำหรับ ตัวเอง แล้วก็หันไปเทน้ำมะตูมให้ไกรแก้วหนึ่ง เขาเพ่งมองหน้าน้องชายที่ดูคล้ำขึ้น ใบหน้านั้นโทรมด้วยเม็ดเหงื่อที่สะท้อนแสงไฟฟลูออเรสเซนต์อยู่วิบวับ

“โห… กว่าจะหาร้านพี่เจอ ผมไม่เคยมาแถวนี้ซะด้วย …แล้วขายดีไหมฮะ” ไกรทรุดตัวลงนั่ง ปลดย่ามเก่า ๆ ที่สะพายมาด้วยวางไว้บนโต๊ะ

“ก็พอใช้ได้ล่ะ เป็นยังไงบ้างวะ เห็นเขียนจดหมายมาบอกแม่ว่ามีแฟนแล้วเหรอ เมื่อไหร่จะพามาให้ชั้นดูตัวล่ะ”

“ตั้งใจจะแต่งกันปีหน้าน่ะฮะ …อยู่โน่นผมไม่ค่อยว่างหรอก นี่ลามาแค่สองวันเอง ฝากให้แฟนผมนั่นแหละสอนแทน”

“แกจะอยู่ที่โน่นถาวรเลยเรอะ”

“ก็ตั้งใจไว้น่ะฮะ ทุกวันนี้ก็สบายดีแล้ว ได้ทำงานที่ชอบด้วย”

“อยู่บ้านนอกลำบากลำบนอย่างนั้นน่ะนะที่แกชอบ” วุฒิกรอดประชดไม่ได้ ทั้งที่รู้อยู่เต็มอกว่าน้องของเขาเป็นคนยังไง ตั้งแต่เป็นวันรุ่นแล้วที่ไกรทำกิจกรรมโน่นนี่มาเรื่อย ตอนอยู่ ม.6 ก็เป็นประธานนักเรียน พออยู่มหาวิทยาลัยก็เป็นประธานค่ายเสียอีก แต่ไม่รู้ทำไมเขาถึงไม่พอใจอยู่ลึกๆ ที่น้องชายไม่หาอะไรที่มีรายได้เป็นกอบเป็นกำกว่านี้ทำ ด้วยคุณสมบัติของไกรและเส้นสายของพวกรุ่นพี่ที่รู้จักตอนทำกิจกรรมน่าจะหางานดีๆ ได้ไม่ยาก

“ผมไม่ลำบากหรอกพี่ งานหนักแต่ไม่รู้สึกว่าลำบากหรอก”

“ถ้าแต่งงานแล้วจะย้ายมาอยู่กรุงเทพไหมล่ะ ไม่อยากอยู่กับพ่อแม่มาอยู่ที่นี่ก็ได้ ชั้นบนยังมีห้องว่างอยู่ตั้งสองห้อง”

“ทำไมผมแต่งงานแล้วต้องมาอยู่กรุงเทพฯด้วยล่ะฮะ”

“แล้วจะให้ลูกเมียแกอดๆ อยากๆ อย่างงั้นเหรอ เงินเดือนของแกกับแฟนรวมกันจะสักเท่าไหร่เชียว แกน่าจะมาหางานบริษัททำ หรือว่าถ้าอยากเป็นครูก็น่าจะหาโรงเรียนเอกชนดีๆ หน่อย แล้วก็รับสอนพิเศษไปด้วย …จะเอาโรงเรียนเอกชนตรงใกล้ ๆ นี้ไหมล่ะ ชั้นอาจจะฝากแกได้นะ” แวบหนึ่งวุฒิกรนึกถึงครูใหญ่โรงเรียนประถมใกล้ๆ นี้ที่เป็นลูกค้าประจำของเขาคนหนึ่ง ครูใหญ่จะมาซื้อของที่ร้านเขาอาทิตย์ละครั้ง ท่าทางติดใจของพวกนี้มาก …ยังเคยชวนเขาไปขายในโรงอาหารของโรงเรียนด้วยซ้ำ

“ไม่ดีกว่าพี่” ไกรหลบตาพี่ชาย “แค่นี้ผมก็สบายกว่าชาวบ้านเขาเยอะแล้ว ทุกวันนี้ผมยังต้องเกลี้ยกล่อมให้เด็กๆ ไม่เข้ากรุงเทพฯอยู่เลย ที่โน่นมีแต่ตัวอย่างที่ไม่ดีทั้งนั้น พวกเขาดูทีวี อ่านหนังสือพิมพ์ที่ลงแต่ข่าวดารา แล้วก็อยากจะเข้ามาที่นี่ พี่สาว… น้องสาวของบางคนก็เข้ามาขายตัวแล้วเอาเงินมาซื้อทีวีให้พ่อแม่ให้น้องไว้ดูละครน้ำเน่า ผมว่า… ผมว่าถ้าผมอยู่ตรงนั้นผมสามารถทำอะไรได้มากกว่า” เขาอธิบายช้าๆ ดูเกรงๆ วุฒิกรอยู่บ้าง

“แกจะทำอะไรได้ล่ะ แกคนเดียวจะไปเปลี่ยนอะไรได้วะ” วุฒิกรนึกถึงภาพครอบครัวของไกรหาเช้ากินค่ำ ไหนจะต้องผ่อนไอ้โน่น ไหนจะมีรายจ่ายไอ้นี่ นึกภาพลูกๆ ของไกรยืนจ้องมองของเล่นในตู้โชว์ของห้างสรรพสินค้าต่างจังหวัด …ของเล่นที่พ่อแม่ไม่มีเงินจะซื้อให้

ไกรเงียบคิด …เขาคนเดียวจะเปลี่ยนอะไรได้

“ผมไม่ได้อยากเปลี่ยนอะไรนี่ฮะ ผมแค่ทำสิ่งที่ผมคิดว่าผมน่าจะทำเท่านั้นเอง พี่อาจไม่เข้าใจ แต่ถึงแม้ผมจะเปลี่ยนอะไรไม่ได้เลย อย่างน้อยตอนนี้ตัวผมยังไม่ถูกใครเปลี่ยนไปก็พอแล้ว …แฟนผมเขาก็มีความคิดอะไรคล้าย ๆ ผมนี่แหละ เราอยู่กันง่าย ๆ ได้พี่”

“วันหนึ่งแกจะเสียใจ”

วุฒิกรก็รู้สึกว่าตัวเองเคยมีอุดมการณ์อะไรบ้างเหมือนกัน แต่เขาก็ลืมมันไปหลังจากที่ใช้ชีวิตการงานเพียงไม่นาน

เขาจ้องหน้าน้องชาย มองลึกลงไปในดวงตาที่ดูเหมือนมีความเหนื่อยล้าปรากฏอยู่บ้าง

“แกไม่เหนื่อยบ้างเหรอ…”

ไกรไม่ตอบอะไร เพียงแต่ยิ้มน้อยๆ เขาหลบตาพี่ชายอีกครั้ง หันไปมองสภาพร้านค้าที่พี่ชายสร้างมากับมือ แม้ไม่หรูหรานักแต่ก็ดูดีกว่าร้านรวงในหมู่บ้านที่เขาอยู่กับแฟนมากมาย

อาหารสำเร็จรูปและผลิตภัณฑ์แปลกๆ ที่ไกรไม่เคยนึกจะซื้อ ถูกบรรจุอยู่ในหีบห่อสวยงาม เออหนอ… คนเขาซื้อนี่ไปกินเพื่อให้มีชีวิตที่ยืนยาว มีสุขภาพที่ดีใช่ไหม

“ผมมาหาพี่มีเรื่องจะรบกวนครับ…”

วุฒิกรถอนหายใจ เขายังอยากพูดกับไกรเรื่องอนาคตให้มากกว่านี้

“คือผมตั้งใจจะทำห้องสมุดที่โรงเรียนน่ะครับ ….ตอนนี้ก็มีอยู่แล้ว แต่หนังสือมันน้อยเหลือเกิน จริงๆ ผมตั้งใจจะให้เป็นห้องสมุดของหมู่บ้านด้วย ผมว่าถ้าพวกเด็กๆ หรือชาวบ้านมีหนังสือดีๆ อ่าน มันก็น่าจะเป็นการเปิดมุมมองของพวกเขาน่ะฮะ”

“แล้วยังไง”

“พี่ก็รู้ว่าโครงการทั้งหลายน่ะ ถ้าแค่คิดจะให้คิดแค่ไหนยังไงก็ได้ แต่ทางโรงเรียนเขาไม่มีงบประมาณให้หรอก ผมเลยเข้ากรุงเทพฯมาถอนเงินเก็บที่ผมเก็บมาตั้งแต่ตอนเด็กๆ น่ะ ฝากไว้จนเกือบลืมไปเลย ก็ปิดบัญชีเสียที เอาไว้ก็ไม่ได้ทำอะไร”

“แกเอาเงินเก็บไปทำห้องสมุด! จะบ้าเหรอ มันไม่ใช่เรื่องเลยนะ”

“ก็เงินแค่สองหมื่นเท่านั้นเองพี่…แค่ซื้อหนังสือก็แทบหมดแล้ว นี่ผมว่าพรุ่งนี้จะไปเลือกหนังสือเก่าที่จตุจักร”

วุฒิกรไม่เข้าใจน้องชายจริงๆ แล้วอย่างนี้เมื่อไหร่จะตั้งตัวได้ล่ะ

“เฮ้อ… แล้วแกมีอะไรจะให้ฉันช่วยล่ะ”

“ก็… คือผมอยากจะยืมเงินพี่อีกสักหน่อยน่ะครับ”

“ฮะ!…” วุฒิกรทั้งงงและตกใจ แวบหนึ่งเขาไม่แน่ใจว่าจะให้ไกรยืมเงินดีหรือเปล่า

“แกจะเอาไปทำห้องสมุดเนี่ยนะ …ขาดอีกเท่าไหร่ล่ะ”

“คือผมให้ช่างในหมู่บ้านเขาลองประมาณราคาค่าต่อเติมจากห้องเก่าแล้ว เขาบอกว่าเฉพาะค่าวัสดุก็ประมาณสามหมื่นฮะ คือสองหมื่นที่ผมมีก็เอาไปซื้อหนังสือ แล้วผมตั้งใจจะยืมพี่อีกสามหมื่นนี่ล่ะ”

วุฒิกรนิ่งคิด เงินสามหมื่นไม่มากแต่ก็ไม่น้อย

“น่าพี่… คิดซะว่าทำบุญ ผมจะไปขอพ่อแม่ก็ได้แต่ก็เกรงใจ เดี๋ยวจะหาว่าโตป่านนี้แล้วยังแบมือขออยู่อีก …ถ้ามีเมื่อไหร่ผมคืนพี่แน่ หรือให้เป็นห้องสมุดในนามพี่ก็ได้ ห้องสมุดวุฒิกรไงฮะ” น้องชายพยายามเกลี้ยกล่อม

เฮ้อ…ว่าไปแล้ววุฒิกรก็ไม่ได้เป็นคนขี้เหนียวอะไร นี่ก็น้องชายแท้ๆ คนเดียวของเขาที่วิ่งเล่นตามกันมาแต่เล็ก แล้วก็ไม่ได้ขอเงินไปสำมะเลเทเมาที่ไหนซะหน่อย เพียงแต่เขายังไม่ชินกับการเอาเงินไปทำอะไรแบบนี้เท่านั้นเอง

“นะพี่กรนะ ดีกว่าเอาเงินไปทำบุญกับวัดหรือมูลนิธิบางมูลนิธิอีก อย่างนี้ผมรับรองว่าทุกบาททุกสตางค์ได้ใช้ตามจุดประสงค์แน่นอน” ไกรพยายามพูดให้พี่ชายคลายเครียดลง

“ไอ้บ้า… จุดประสงค์ของแกน่ะสิ” พี่ชายพูดแล้วก็หัวเราะ เอ้า…อย่างน้อยเงินสามหมื่นที่เขาจะเสียไปนี่ก็สร้างความสบายใจให้ได้มากกว่าเงินค่าประกันชีวิตหรือเงินภาษีที่ต้องจ่ายอยู่ทุกปีล่ะวะ

“เออๆ พรุ่งนี้สายๆ ชั้นจะไปเบิกธนาคารมาให้ เดี๋ยวคืนนี้แกค้างที่นี่นะ แล้วพอชั้นเอาเงินให้แกแล้วจะไปไหนก็ไปเถอะ”

“จริงนะพี่! ขอบคุณมากฮะ” ไกรแทบจะกระโดดด้วยความดีใจ เขาคว้ามือพี่ชายไปบีบ

เฮ้ย!… พอถูกน้องชายกุมมือวุฒิกรก็ต้องแปลกใจ

“ทำไมตัวแกร้อนๆ วะ”

“อ๋อ… ผมมีไข้หวัดนิดหน่อยน่ะฮะ เป็นมาเกือบเดือนไม่หายซะที ไม่เป็นไรหรอกพี่ ผมชินแล้วล่ะ” ไกรยังคงดีใจไม่หาย

“ไอ้บ้า! รักษาสุขภาพตัวเองหน่อยสิวะ เดี๋ยวอาบน้ำอาบท่าทานยาแล้วนอนเลย แล้วนี่กินข้าวมาหรือยังวะ”

วุฒิไกรรู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาโดยไม่มีเหตุผล ทำไมน้องชายของเขาถึงไม่รู้จักดูแลสุขภาพตัวเองเลยวะ

…ทำไมคนอย่างไกรจึงไม่สนใจสุขภาพของตัวเอง

.

.

.

สิบโมงครึ่ง วุฒิกรกลับมาจากธนาคาร ถุงกระดาษใส่เงินสดสามหมื่นวางสงบนิ่งอยู่บนโต๊ะ น้องชายของเขายังไม่ตื่น ยาแก้ไข้หวัดที่เขาให้ทานคงมีฤทธิ์ทำให้หลับสนิทและยาวนาน

ถ้าเป็นยาสมุนไพรคงไม่มีฤทธิ์แรงและรวดเร็วอย่างนี้…

ความคิดของเขาลอยไปเรื่อยเปื่อยในขณะที่กำลังจัดสินค้าให้เข้าที่เข้าทาง เขานึกถึงใบหน้าเหี่ยว ๆ ของเฮียเล้ง นึกถึงคำพูดบางคำของกาวิน นึกถึงคนเฒ่าคนแก่หลาย ๆ คนที่เป็นลูกค้าประจำ…

ไม่ใช่เรื่องแปลกใช่ไหมที่ใครๆ จะห่วงสุขภาพของตัวเอง

วุฒิกรเหลือบไปเห็นพวกมดคันไฟฝูงเดิม พวกมันยังคงเดินเรียงแถวตาม ๆ กันไปบนพื้นกระเบื้องเซรามิค เขาถอนหายใจก่อนจะหยิบสินค้าบางตัวของเขาขึ้นมาอ่านฉลาก

ฟ้าทลายโจร แก้ไข้ร้อนใน แก้ท้องเสีย… ชาทองพันชั่ง อายุวัฒนะ บำรุงธาตุ… ข้าวกล้อง มีสารอาหารกว่ายี่สิบชนิด… เหงือกปลาหมอแคปซูล แก้น้ำเหลืองเสีย ยาอายุวัฒนะ… ขี้เหล็กแคปซูล ลดความเครียด เป็นยานอนหลับ…

วุฒิกรค่อย ๆ เลือกเอาสินค้าบางชิ้น คัดเอาเฉพาะที่เขาคิดว่าดีและมีประโยชน์จริง ๆ เท่านั้น จัดรวมใส่ถุงพลาสติกเอาไว้

หวังว่าเมื่อน้องชายกลับไปที่นั่นแล้วคงจะได้ใช้ของพวกนี้บ้าง