เวลาที่หายไป – จดหมายที่ตอบกลับ : ว.ส. สุภาพชน

เรื่องสั้น

การนั่งรอเวลา…ให้เวลานั้นผ่านไปเร็วๆ เหมือนเป็นการเฝ้ารอคอยเวลาของช่วงชีวิตที่จะมาถึง ผมนั่งดูนาฬิกาข้อมือตัวเอง แม้รู้ว่า เข็มที่เดินบอกวินาที ตอนนี้มันอยู่และหยุดที่เลขห้าก็ตามที ทว่าอีกไม่นานมันก็คงเดินไปที่เลขหก และเป็นอย่างนี้ไปเรื่อย ๆ และไม่รู้ว่ามันจะคงหยุดเดินที่เลขไหน ผมต้องการให้เวลานั้นได้หยุด ต้องการให้มันมีโอกาสได้พักการทำงานของตัวเองบ้าง ในบางครั้ง ถึงแม้ว่านาฬิกาเรือนนี้เองจะถ่านหมด แต่ก็ยังคงมีถ่านให้เปลี่ยนตลอดเวลา คงมีสักวันที่นาฬิกาเรือนนี้คิดที่จะพัก สักวัน มันก็คงคิดที่จะทำให้ตัวมันเองนั้นเสีย เพื่อต้องการให้เจ้าของนั้นนำไปเยียวยารักษาหรือไม่ก็โยนทิ้งไว้ในถังขยะ แต่มันคงเลือกที่จะอยู่อย่างหลังเสียมากกว่า เสียงถังขยะหัวล่อต่อกระซิบกับเศษกระดาษทั้งหลาย เศษกระดาษเอ่ยปากพูดเย้ยหยันกับนาฬิกาว่า

” นี่หรือของมีค่า เมื่อเจ้าไม่สามารถทำหน้าที่ของเจ้า และความซื่อสัตย์ของเจ้าแล้วไม่ เจ้าก็มันแค่นาฬิกาเรือนเก่า ๆ เจ้าก็ไม่ต่างอะไรกับเศษขยะอย่างพวกข้า” มันเป็นเสียงของขยะที่ดูถูกเจ้านาฬิกาเรือนเก่า ๆ เรือนนี้

” ไม่หรอก ฉันทำประโยชน์ให้กับคนอื่นมานานแล้ว แต่เขาไม่เคยสนใจเวลาที่เดินไปข้างหน้าแม้แต่น้อย อีกไม่นานนาฬิกาเรือนอื่น ๆ ก็คงต้องหยุดเช่นเดียวกับฉัน” นาฬิกาเรือนเก่าพูดพร่ำเพ้อ โดยไม่คิดว่าตังเองนั้นมันก็เป็นขยะในตอนนี้

แม้ช่วงเวลาของนาฬิกาเรือนเก่าจะหยุดลงไป พร้อมกับการทำลายไปพร้อมกับกระดาษ มันไม่จำเป็นหรือสำคัญอะไรเลยว่า กระดาษหรือนาฬิกาอันไหนจะมีค่ามากกว่ากัน

ผมเริ่มที่จะผละออกจากช่วงเวลาที่กระดาษและนาฬิกาไปพร้อมกับรถเก็บขยะที่มารับขยะในตอนเช้า ถังขยะบอกรำลาเพื่อนเก่า มันอาจจะเศร้าในเวลาแรก ๆ แต่ไม่นานก็คงชาชิน ผมเริ่มที่มองนาฬิกาเรือนใหญ่ที่อยู่ในบ้าน โชคดีที่นาฬิกาเรือนใหญ่ยังคงไม่ทิ้งผมไปในตอนนี้ แปดโมงเช้า…ผมรีบที่จะตื่นไปทำงานอย่างเร่งรีบมันคอยที่จะกระตุ้นให้ผมรู้สึกที่จะรีบร้อนในตอนเช้า ทุกครั้ง ว่าสาย…ว่าสาย นาฬิกามักจะร้องตะโกนบอกผมเสมอ

ชีวิตในเมือง ในสังคมที่แปลกที่ ทำให้ผมต้องเปลี่ยนตังเองไปเรื่อย ไม่มีใครจะมาสนหรอก ว่าผมกำลังทำอะไร คิดอะไรอยู่ ต่างคนก็ต่างที่จะมีเวลาหรือนาฬิกาเป็นของตังเอง บางคนอาจเคยที่จะเคยถูกครูถาม คำถามในห้องเรียน ถามความหมายของคำนั้นคำนี้ ต่างคนก็ต่างที่กำลังคิดหาคำตอบให้กับตัวเอง โดยที่ไม่ซ้ำกับเพื่อน ๆ ขณะที่ลืมไปว่า เพื่อนกำลังพูดอะไรไปแล้ว ตอนนี้ เพราะเรามัวแต่ที่จะคิดเรื่องของตังจนลืมคนที่อยู่รอบข้างตังเรา บ้างครั้งผมก็เก็บนาฬิกาไว้ในลิ้นชักที่เป็นของผมเอง

ตอนนี้ผมกำลังตกเป็นทาสของนาฬิกาเรือนใหม่ ผมเรียกร้องที่จะขอนาฬิกาเรือนเก่าของผมคืน มันคงเป็นไปไม่ได้สินะ เพราะนาฬิกาเรือนเก่าได้จากผมไปแล้ว ทำไมผมไม่คิด เอะ..ใจที่จะเก็บนาฬิกาเรือนเก่านั้นไว้นะ ถ้ามันอยู่มันคงจะหยุดเวลาที่มีความสุข คือ วินาทีของความทรงจำในอดีตนั้นได้ และผมคงจะรู้ว่าเวลานั้นมันกี่โมงกี่ยามกันแน่

นี่หกโมงเย็นแล้วหรือ ผมเริ่มรู้ว่าตังเองไม่สามารถกำหนด หรือควบคุมเวลาของตัวเองได้ แต่ผมเริ่มที่จะถูกบังคับจากนาฬิกา พอเสียทีเถอะแก่จะบังคับกันไปถึงไหน ผมต้องการที่จะเรียกร้องเวลาของผมคืน
.
.
.

เช้าวันใหม่ …ของวันอาทิตย์ วันนี้ชั่งเป็นวันของสายลม และแสงแดด สายลมทำเป็นพัดเอื่อย ๆ ทำท่าเต้นระบำ แปลก ๆ และก็ชวนใบไม้ เต้นระบำตามสายลม ใบไม้ไม่เคยที่จะขัดขืน กับการชวนของสายลมแม้แต่น้อย กลับทำท่าดีใจที่มีคนมาชวนเต้นระบำ แสงแดดทำท่ายิ้มหัวเราะพร้อมฉายไฟฉายดวงใหญ่มาที่ใบไม้ ตอนนี้ใบไม้กลายเป็น ดาราใหญ่ไปเสียแล้ว.. นี่หรือเวลาที่ผมกำลังค้นหาอยู่ เราเคยผ่านมาแล้วนี่..แต่เมื่อไหร่ล่ะ ผมกำลังเฝ้ามองดูต้นหญ้าที่เขียวขจีส่ายไปส่ายมาตามใบไม้ เพื่อสะบัดตัวเองจากน้ำค้างที่แวะมาคุยและเยี่ยมเยียน เมื่อคืนนี้ พวกเขาอยู่ไปทั่วหน้าบ้านของผมในตอนเช้า พวกเขาทำทีท่าสบตากับผม ผมยิ้มให้และสูดอากาศเข้าไปในปอด หญ้านี่สูงขึ้นเยอะนะเยอะกว่าอาทิตย์ก่อนตั้งเกือบเท่าตัว ถึงแม้จะไม่มีเวลาไปทักทายกับต้นหญ้าหน้าบ้านสักเท่าไหร่ คงไม่นานผมคงต้องแวะไปคุยและไปทำความรู้จักกับต้นหญ้าที่เกิดใหม่ ต้นไม้ก็ทำท่าดีใจที่ผมสังเกตเห็นว่าพวกเขากำลังแตกกิ่งก้านสาขา ให้ความร่มรื่นร่มเงาแก่บ้านของผม พวกเขาอาจจะเป็นเจ้าของบ้านอันแท้จริงก็ได้ เพราะผมมันก็เป็นผู้ที่มาอาศัยใหม่ เสียงนกคุยกันเสียงดัง ดูพวกมันสิเหมือนมันสิกำลังวนวายกันใหญ่ ขณะที่กำลังหัวล่อต่อ

กระซิบกับตัวผมอยู่ ผมคงห้ามไม่ได้ ที่จะให้พวกเขาหยุดที่จะคุยในตัวผม

” ชายผู้นี้คือใครหรือไม่เคยเห็นหน้าเลยนี่” เสียงนกกระจอกพูดกับนกอีกตัวหนึ่ง ด้วยความฉงน สิ่งที่มันกำลังเห็นในตอนเช้าวันหนึ่ง

” นี่ไงชายที่เป็นเจ้าของบ้านหลังนี้ไง ฉันยังคงจำได้ แต่มันก็นานมาแล้วนะ ที่ฉันไม่ได้เห็นหน้าเขาเลย ตั้งแต่ฉันนั้นยังตัวเล็ก ๆ อยู่เลย” นกกระจอกผู้รู้ดีได้ตอบกลับไปยังเพื่อนที่เดินทางมาด้วยกัน

” นี่หรือ ชายเจ้าของบ้าน ทำไม เขาดูโทรมจังละ” นกกระจอกตัวเดิมถามด้วยความไม่เคยเห็นชายผู้เป็นเจ้าของบ้าน

” ไม่หรอก เมื่อก่อนตอนที่เขามาใหม่ ๆ ก็ดู ยิ้มแย้มแจ่มใส ตอนที่มาอยู่ที่นี่ แต่มันก็แปลกนะที่เขาดูโทรมลงไป” ขณะเดียวกันเสียงนกตัวอื่นต่างก็บินมาชุมนุมเพื่อดูชายหนุ่มผู้เป็นเจ้าของบ้าน เช่นผม เสียงเอ่ะอ่ะ..และการนินทาไม่ยอมหยุดแม้แต่น้อย ทว่ามันก็เป็นจริงอย่างที่พวกเขาบอก ผมไม่สามารถตอบคำถามของพวกเหล่านกที่มาดูตัวผมได้ และอีกไม่นาน นกเหล่านี้ อาจจะไม่เห็นผมอีกต่อไปก็ได้ ถ้าเวลาและนาฬิกาเรือนเก่าของผมกลับคืนมา

แต่มันคงจะอีกนานกว่าที่ผมจะหานาฬิกาเรือนใหม่ที่แทนที่นาฬิกาเรือนเก่าของผมได้ เวลาไม่เคยที่จะเดินย้อนกลับ แต่คอยที่จะเร่งให้รีบเดินตาม ผมอาจจะหยุดวิ่งขณะที่ทุกคนกำลังวิ่งอยู่เพื่อมองดู คนอื่นวิ่งและมองย้อนกลับไปดูระยะทางที่ผมวิ่งมาแล้ว และก็คงจะวิ่งต่อ ไปเรื่อย ๆ จนกว่าจะเหนื่อย สักวันผมอาจจะหยุดวิ่ง และก็เดินย้อนกลับหรือสวนทางกลับการเดินของนาฬิกา ผมคงส่งยิ้มทักทายกับเข็มนาฬิกา อีกไม่นานผมคงไม่ต้องใส่นาฬิกาอีกต่อไป

ในบางเวลานาฬิกาก็ไม่เคยหยุด ที่จะให้ผมได้หยุดพัก..และย้อนดูเวลาในวันเก่า ๆ ผมเริ่มที่จะเหนื่อย มันอาจจะเป็นช่วงเวลาที่ผูกพันความรู้สึกของผมก็เป็นได้ ผมกำลังย้อนกลับไปหาตัวเองในช่วงเวลา ของอดีต ผมคงต้องออกเดินทางเสียที และคงต้องเป็นตอนนี้ เพื่อบางที่ผมอาจจะค้นพบตัวเองก็ได้

นี่หรือ..เส้นทางที่ฉันเดิน..
อาจเดินเพลินผิดพลาดในบางครั้ง
เมื่อย้อนเวลา..กลับมาอีกวัน
ดูตัวฉันนั้นอาจจะเปลี่ยนไป
ฉันเคยฝันอยากทำสิ่งนั้นและสิ่งนี้
อาจจะดีถ้าไม่ได้ตั้งใจไว้
แล้วสักวันความฝัน..ฉันคงเปลี่ยนไป
อีกไม่ไกลฉันคงไปกับใจที่ไกลตัว..

แม้ว่าผมจะไม่ได้ทำอะไรที่ใจต้องการในตอนนี้ แต่ก็จะรอโอกาส ของเข็มนาฬิกาหมุนเวียนมาหยุดอยู่ตรงเลข เก้า ต่อจากเลข แปด และก็ต่อมาจากเลข เจ็ด …และก็..เลขที่ผมเริ่มต้น ผมกำลังเป็นคนเฝ้าดูนาฬิกาเรือนใหม่ของผมอยู่

เวลาของผมมาถึงเมื่อไม่นานมานี้ นาฬิกาเรือนเก่ากลับมาหาผม ผมไม่คิดว่ามันจะกลับมาเร็วขนาดนี้ มันคุ้นเคยกับผมเป็นอย่างดี มันไม่ใช่ความรู้สึกระหว่าง เจ้านายกับทาสที่รับใช้อย่างซื่อสัตย์ มันไม่เคยที่จะมาเร่งเตือนความรู้สึกให้ผมทำอย่างโน้น…อย่างนี้…เหมือนในอดีต

ตอนนี้ผมมีเวลาคุยกับเพื่อน ๆ ที่อยู่ในบ้านเดียวกันกับผม ไม่ว่า ต้นไม้ต้นเก่า ต้นหญ้าที่ดูดี หรือนกกระจอกที่ชอบนินทราผม ผมยังได้รู้จักกับสิ่งที่ผมไม่เคยรู้จักมาก่อน เจ้าแมลงสาป ที่ทำทีท่าว่าข้านี่แหละ..เจ้าของตัวจริง เจ้าเป็นใครหรือ เจ้าชายหนุ่มที่ข้าไม่เคยเห็นหน้ามาก่อน ผมมีเวลามากขึ้นที่จะติดประกาศ ไล่ที่ ให้พวกแมลงสาป ผมเริ่มที่จะปลูกต้นกล้วยไม้ต้นใหม่ ในสนามหน้าบ้านคงเอาไปให้ ต้นไม้เก่าต้นเดิมเป็นคนดูแล เราจะช่วยกันดูแลทั้งผมและต้นไม้ใหญ่

นาฬิกาดูเหมือนจะมาหยุดอยู่ที่เลขเก้า แต่มันยังไม่ถึง คงต้องรออีกสักวินาที..ทว่าก็ใกล้ที่จะเป็นความจริง อาทิตย์หน้าผมออกเดินทางจากเมืองที่ทำให้ผมรู้สึกสับสนกับนาฬิกาของตังเอง ผมกำลังกลับไปเยี่ยมบ้านที่ต่างจังหวัด หลังจากที่ผมได้ฝากข่าวอันเป็นที่น่าดีใจไปให้แม่รู้ ผมไม่เคยกลับบ้านมานานแล้วเผื่อบางที ผมอาจจะไม่ต้องการใช้นาฬิกาอีกต่อไป..

” แน่ใจหรือที่จะกลับบ้าน” นาฬิกาเรือนใหญ่แสร้งทำเป็นแกล้งถามผมเพื่อเป็นการลองเชิง ว่าผมตัดสินใจดีแล้วหรือ แม้นในใจไม่อยากที่จะกลับไปเจอคนอื่น ๆ ที่ไม่ใช่พ่อแม่ของตัวเอง พวกเขาอาจ จะถามเป็นเชิง

“กลับมาทำไม มีธุระมาทำอะไรที่นี่หรือ..” คำถามอีกร้อยแปดที่ไม่อยากตอบ ผมกำลังที่จะหนีจากนาฬิกา..แต่ก็กลับมาพบกับเสียงที่ดัง ติ๊ก ติ๊ก ดังขึ้น เร็วขึ้น ติ๊ก ๆๆๆ…. ผมต้องการหยุดนาฬิกานั้นเสีย

ผมไม่กล้าที่จะให้คำตอบกับนาฬิกาเรือนใหญ่ว่า ผมจะไปแน่หรือเปล่า เผื่อบางที พวกเขาอาจต้องการผม

” แม่ครับผมกลับบ้านไม่ได้แล้ว ผมต้องรีบทำงานด่วน รักแม่มาก”

โทรเลขด่วนจากคนที่ไม่อาจจะหนีนาฬิกาไปได้อย่างผม ผมยิ้มให้กับตัวเองว่า ยังดีที่ยังมีเวลา ได้หยุดนาฬิกา ไว้สัก สองสามวัน ผมหวังว่าสักวันมันคงจะหยุดเดินตลอดไป

ขอพักสักหน่อยนะเจ้านาฬิกาเวลา ….