วันนึง ๆ เห็นคนเดินผ่านไปมามากมาย แต่ผมกลับรู้สึกเหมือนอยู่ตัวคนเดียวท่ามกลางเสียงอึกทรึกครึกโครมนั้น ไม่มีแม้เสียงตอบรับและเชิญชวนจากสิ่งรอบตัวหรือวัตถุอื่นใด ให้ผมได้เข้าไปใกล้ชิดและสัมผัสมัน มีแต่เสียงลมโบกพลิ้วไปมา แกว่งไกวพัดเอาเศษฝุ่น ใบไม้และอนุมูลที่มีน้ำหนักเบาต่าง ๆ ลอยตัวเท้งเต้งขึ้นสู่บนท้องฟ้า ซึ่งมันได้รวมเอาตัวผมเข้าไปอยู่ในเส้นทางเดินของมันด้วยและยังคงเป็นอยู่อย่างนั้น จนผมจำเป็นที่จะต้องหาสิ่งใดเข้ามาปัดป้อง ไม่ว่าจะเป็นฝ่ามือ เสื้อผ้า กระเป๋าที่พอจะหาได้
มันรุนแรงขึ้น ๆ จนผมแทบจะประคองตัวไม่ไหว ผมจะทำยังไงดี ! ผมอาจจะปลิวล่องลอยขึ้นไปบนท้องฟ้าจนไม่อาจกลับลงมาอีกก็เป็นได้ ใช่แล้ว…ผมจะต้องหนี รีบหนีออกไปจากที่นี่ให้เร็วที่สุด ขาผม ๆ มันขยับไม่ได้ ไม่ใช่สิ มันยังเหมือนเดิมเพียงแต่ผมไม่สามารถเหยียบลงไปบนพื้นดินได้ ไม่นะ….ผมลอยได้ ผมลอยอยู่บนท้องฟ้าแล้ว นั่นต้นไม้แก่ที่โบกกิ่งก้านโปรยยิ้มให้กับผม ปล่อยส่วนหนึ่งของตนให้ลอยล่องออกไปพร้อมกับสายลมโดยไม่รู้จุดหมายปลายทาง ต่างจากผมที่ต้องการจะรู้ถึงจุดหมายปลายทางของชีวิตที่ยังมองไม่เห็นอยู่ข้างหน้านั้นอีกแสนไกล และก็พยายามไขว้ขว้ามันอย่างสุดความสามารถ แต่ก็ยังไม่เจอ
กลับยิ่งดูเหมือนห่างไกลออกไปทุกทีด้วยซ้ำ ไม่รู้เมื่อไหร่ที่ผมจะได้ก้าวไปยืนอยู่ ณ จุดนั้น เอ๊ะ ! นั่น เจ้านกกระจอกที่ส่งเสียงอยู่เมื่อกี๊นี่ พวกมันมาห้อมล้อม ฉวัดเฉวียนอยู่รอบกายผมพร้อมทั้งส่งเสียงร้องอันร่าเริงสดใสออกมาด้วย ปัง ! เสียงระเบิดของอะไรสักอย่างดังขึ้นด้านหลังของผม เมื่อหันไปมองยังไม่ทันเต็มสายตา มันก็ลอยมาปะทะใบหน้าผมเข้าให้แล้ว ที่แท้ไม่ใช่สิ่งอื่นใด มันเป็นเศษส่วนหนึ่งของลูกโป่งสีสันสดใสที่ถูกปล่อยให้ร่างของตนเองทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้า ถูกนกตัวนึงบินไปชนจนแตกกระจายไป เพราะมันมีมากมายเหลือเกิน มหาศาลจนนับไม่ถ้วน ไม่รู้ว่ามาจากไหนกัน…
นั่นคนขายลูกโป่งถูกรถชนอยู่ด้านล่าง จนปล่อยให้สินค้าของตัวเองหลุดมือไป คุณลุงมีอายุค่อนข้างมากแล้ว แกยึดอาชีพขายลูกโป่งสวรรค์นี้มานานปีแล้ว ผมเห็นแกอยู่ประจำ ผมชอบอุดหนุนของ ๆ แกอยู่เป็นบ่อย ๆ แกเป็นคนใจดีมาก ผมจึงอดสงสารไม่ได้ บางครั้งถึงกับเหมาลูกโป่งแกมาหมดเลยก็มี บางทีได้ปล่อยให้มันลอยขึ้นสู่ท้องฟ้า ได้เห็นมันเดินทางไปไหนต่อไหนก็รู้สึกผ่อนคลายดี หรือบางทีก็เอาไปฝากพวกเด็ก ๆ ที่วิ่งเล่นอยู่แถว ๆ นั้น จนพวกน้อง ๆ เรียกผมว่า “พี่ลอยฟ้า” ไปแล้ว โอ้…ใช่ ผมรู้สึกเป็นห่วงลุงแกจัง ไม่รู้จะเป็นยังไงบ้าง…
ผมอยากลงไปดูแกจัง แต่นี่มันเป็นการลอยตัวครั้งแรกของผมนี่ ไม่รู้ว่าจะต้องรออีกนานแค่ไหนถึงจะได้ลงไปสัมผัสพื้นข้างล่างเสียที…ผมเป็นห่วงแกจัง
เอ…หรือเป็นเพราะว่าวันนี้ผมไม่ได้คุยกับลุง เลยรู้สึกว่าเงียบเหงาทั้ง ๆ ที่ยังเต็มไปด้วยผู้คนมากมายที่มาเดินเที่ยวสวนสาธารณะแห่งนี้ อาจจะใช่ เพราะผมกับลุงถึงแม้จะต่างอายุกันมาก แต่เราก็เข้ากันได้ดี เมื่อเราพบกันทีไรเราจะทักทายกันเสมอ ลุงแกจะมีวิธีทักทายผมด้วยสำเนียงน่ารัก ๆ ว่า ” ซาหวัดดีจ้า ” สำเนียงเสียงออกเหน่อนิด ๆ ของคนอีสาน เรียบ ๆ นุ่ม ๆ แบบนี้ ผมจำได้ดีเสมอ
” พ่อหนุ่ม ๆ ” เอ๊ะ..เสียงใครเรียกผม ผมหันหลังกลับไปมองด้วยท่าทีฉงน ” ซาหวัดดีจ้า ” ใช่แล้ว เสียงแบบนี้ ลุงจริง ๆ ด้วย ภาพใบหน้าแกค่อน ๆ ปรากฎเด่นชัดขึ้นทีละนิด ผมทั้งรู้สึกแปลกใจและดีใจในเวลาเดียวกัน
” นี่ลุงก็ขึ้นมาลอยตัวเล่นแบบผมเหมือนกันเหรอ เป็นไงสนุกมั้ยลุง ”
” ก็ดีเน้อ ที่นี่ สวยดีนะ ” ลุงตอบด้วยน้ำเสียงเรียบ ๆ เช่นเดิม
” แล้วลุงขึ้นมาได้ยังไงล่ะ ” ผมถามด้วยใคร่อยากรู้คำตอบเดียวที่ยังค้างใจอยู่
” ลุงก็ไม่รู้เหมือนกัน ลุงเดินขายลูกโป่งอยู่ดี ๆ แล้วก็ได้ยินเสียงโครมคราม รู้สึกแปลบ ๆ ยังไงไม่รู้ แล้วก็ลอยขึ้นมานี่เลยจ้า ”
” ลุงก็ไม่รู้เหมือนกันเหรอ ผมเองก็ไม่รู้เหมือนกัน…? ”
เสียงรถตำรวจและหวอจากรถพยาบาลดังสนั่นไปทั่วทิศ แม้แต่บนฟากฟ้า
ชายแก่อายุเลยวัยกลางคนและชายหนุ่มวัยรุ่นที่มีอายุแตกต่างกันค่อนข้างมาก ถูกเจ้าหน้าที่ช่วยกันนำร่างของทั้งคู่ใส่รถเพื่อนำส่งโรงพยาบาล ซึ่งอาจจะต้องใช้เวลามากสักหน่อย เพราะชายวัยรุ่นนั้นติดคาอยู่ในรถที่เขาขับมา ส่วนชายแก่ร่างติดอยู่คาใต้ท้องรถ เมื่อสอบถามจากเจ้าหน้าที่ตำรวจแล้วทราบว่า…ทั้งคู่ตายในที่เกิดเหตุทันที