บล.ดาโอ อยู่ระหว่างการตรวจสอบรายการซื้อขายที่ผิดปกติของหุ้น MORE จึงทำให้ต้องชะลอการส่งมอบค่าขายหุ้น MORE บางรายการ
ตามที่ บริษัทหลักทรัพย์ ดาโอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) (บล.ดาโอ หรือ DAOL SEC) ได้หารือกับหน่วยงานกำกับดูแลที่เกี่ยวข้อง และได้ข้อสรุปว่าให้บริษัทดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการทำธุรกรรมซื้อขายหุ้น MORE และชะลอการส่งมอบค่าขายหุ้น MORE บางรายการ
ทาง บล.ดาโอ จึงขอเรียนแจ้งว่า บริษัทมีความจำเป็นต้องดำเนินการดังกล่าว ตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง เพื่อทำการตรวจสอบจนกว่าจะมีข้อมูลที่ชัดเจน ซึ่งจะมีการดำเนินการให้เร็วที่สุด
ทั้งนี้ ลูกค้า บล.ดาโอ ยังสามารถใช้บริการ และทำธุรกรรมซื้อขายหลักทรัพย์ได้ตามปกติ
หากลูกค้า หรือนักลงทุนต้องการสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม สามารถติดต่อกับ บล.ดาโอ ผ่านทางช่องทางการติดต่อทางการของบริษัท ได้แก่ DAOL Contact Center 0-2351-1800 ทุกวันจันทร์ – ศุกร์ เวลา 08.00 น.-18.00 น. เว้นวันหยุดนักขัตฤกษ์ หรือ contactcenter@daol.co.th หรือเว็บไซต์บริษัท www.daol.co.th หรือเพจ Facebook ของบริษัท https://www.facebook.com/daol.th
“หุ้นไทย” ปิดตลาดร่วง 13.91 จุด บล.ซีไอเอ็มบี คาด ปรับตัวลงระยะสั้น
“หุ้นไทย” ปิดตลาด ( 14 พ.ย. ) ลดลง 13.91 จุด อยู่ที่ 1,623.38 จุด มี 4 ปัจจัยกดดัน จากสถานการณ์หุ้น MORE ไม่คลี่คลาย และผู้ติดเชื้อโควิดในจีนเพิ่ม พร้อมงบไตรมาส 3/65 ต่ำกว่าคาด ทำให้มีการเทขายหุ้นรายตัว บล.ซีไอเอ็มบี มองปรับตัวลงระยะสั้น คาด พรุ่งนี้ลงที่ 1,610 – 1,635 จุด
“หุ้นไทย” ปิดตลาด ( 14 พ.ย.65 ) ปรับตัวลดลง 13.91 จุด อยู่ที่ 1,623.38 จุด เปลี่ยนแปลงลดลง 0.85% มีมูลค่าการซื้อขาย 64,814.64 ล้านบาท
5 อันดับ หลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด คือ
PTT มูลค่าการซื้อขาย 3,493 ล้านบาท ปิดที่ 34.00 บาท ลดลง 0.75 (-2.16%)
KBANK มูลค่าการซื้อขาย 2,549 ล้านบาท ปิดที่ 144.50 บาท ลดลง 3.50 (-2.36%)
AOT มูลค่าการซื้อขาย 2,411 ล้านบาท ปิดที่ 75.25 บาท ลดลง 0.50 (-0.66%)
PTTEP มูลค่าการซื้อขาย 2,095 ล้านบาท ปิดที่ 188.50 บาท ลดลง 0.50 (-0.26%)
CPALL มูลค่าการซื้อขาย 1,572 ล้านบาท ปิดที่ 61.50 บาท ราคาไม่เปลี่ยนแปลง
นายกิติชาญ ศิริสุขอาชา หัวหน้าฝ่ายวิจัยส่วนนักลงทุนรายบุคคล บล.ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) เปิดเผยว่า ดัชนีหุ้นไทยปรับตัวลดลงจาก 4 ปัจจัยกดดันตลาด คือ 1.สถานการณ์หลักทรัพย์ MORE ที่ยังไม่คลี่คลายดีนักทำให้ตลาดไม่สดใส และ 2.ประเทศจีนมีตัวเลขของผู้ติดเชื้อโควิดที่เพิ่มสูงขึ้น ทำให้กดดันหุ้นกลุ่มท่องเที่ยว และโรงแรม 3.พรรคเดโมแครตชนะการเลือกตั้งครองเสียงข้างมากในวุฒิสภา ส่งผลต่อเศรษฐกิจในสหรัฐที่อาจปรับตัวลดลงได้ในคืนนี้ และ 4. การประกาศงบไตรมาส 3 ปี 2565 ของบริษัทหลักทรัพย์บางแห่งต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้ทำให้เกิดการเทขาย
อย่างไรก็ตาม หัวหน้าฝ่ายวิจัยมองว่าเป็นการปรับฐานลงมาในช่วงสั้น เนื่องจากตลาดยังคงได้แรงหนุนจากค่าเงินบาทที่แข็งค่า หนุนฟันด์โฟลว์ต่างชาติไหลเข้าต่อเนื่อง พร้อมกับคาดการณ์ว่าเฟดมีท่าทีชะลอการขึ้นดอกเบี้ยในเดือนธ.ค.
สำหรับวันพรุ่งนี้ ( 15 พ.ย.65) ตลาดหุ้นไทยแกว่งตัวลง ในกรอบแนวรับ 1,610-1,618 จุด และแนวต้าน 1,625 – 1,635 จุด