ยังเยาว์ : จันทร์เคียว

เรื่องสั้น

ต้นไม้ต้นนั้น ชื่อ “ยังเยาว์” เพิ่งหยั่งรากแก้วลงสู่ผืนดินได้ไม่นานนัก ยังเยาว์ค่อยๆเจริญเติบโตขึ้นเรื่อยๆ รากแก้วหยั่งลึกลง รากแขนงแผ่กว้างออกไป รากฝอยที่ดูดซับน้ำและอาหารมาหล่อเลี้ยงลำต้น เมื่อใบไม้ใบแรกแห่งยังเยาว์ได้ผลิสีเขียวขึ้นรับแสงตะวัน ต้นไม้อื่นๆที่อยู่รายรอบก็ยินดีปรีดาไปกับยังเยาว์ ด้วยว่ายังเยาว์ เป็นต้นไม้ต้นแรกในที่แห่งนี้ที่มีใบเป็นรูปหัวใจอันงดงาม

ยังเยาว์ หยั่งรากหยัดยืนอยู่ที่ริมลำธารเล็กๆ น้ำใสไหลเอื่อยอย่างไม่เร่งร้อน ต้นไม้น้อยใหญ่มากมายยืนต้นเรียงรายไปตามแนวคดเคี้ยวสายน้ำ ต้นไม้ใหญ่บางต้นก็เป็นที่พึ่งพิงให้กับไม้เลื้อยได้อาศัยไต่ขึ้นไปรับไออุ่นและแสงแดด ต้นไม้บางต้นที่สิ้นอายุขัยก็อุทิศร่างกายให้บรรดาเห็ดราได้อาศัย รอวันที่จะเปื่อยสลายกลายเป็นอันหนึ่งอันเดียวกับแผ่นดินแม่ผู้ให้กำเนิดสรรพสิ่งทั้งมวล

ต้นไม้ใหญ่ใจดีต้นหนึ่งชื่อ “เนานาน” ได้เฝ้ามองความเจริญเติบโตของ “ยังเยาว์” ด้วยความห่วงใย

ใบไม้หัวใจของยังเยาว์ได้ผลิใบขึ้นเรื่อยๆ จากหนึ่งเป็นสอง จากสองเป็นสี่ จากสี่เป็นสิบ จากสิบเป็นจำนวนมากมายเหลือคณานับ จนกระทั่งใบไม้หัวใจเขียวระบัดจนเต็มต้น รับสายลมละมุน

จนกระทั่งวันหนึ่ง ยังเยาว์ ก็ได้ผลิดอกอันบอบบางขึ้นมาเป็นดอกแรก ดอกไม้นั้นมีกลีบดอกสีขาวเป็นรูปหัวใจอันงดงามเหมือนกับใบไม้จำนวนสามกลีบ ประกบหันหน้าเข้ากัน มีเกสรเป็นหัวใจเล็กๆสีแดงซ่อนอยู่ใจกลางดอก ยังเยาว์รู้สึกตื่นเต้น ตื้นตันเป็นหนักหนากับความงามของดอกไม้อันบอบบางน้อยๆนี้ เขาชื่นชมและหลงใหลเป็นยิ่งนักด้วยว่าดอกไม้นี้เกิดมาจากเขาและเป็นสิ่งที่ทำให้เขารู้สึกภาคภูมิใจ

“ดอกไม้หัวใจสีขาว” เป็นรักของบรรดาต้นไม้น้อยใหญ่ทั่วบริเวณชายน้ำด้วยเช่นกัน บรรดาต้นไม้ใหญ่น้อยต่างก็ชื่นชมความงามบริสุทธิ์เมื่อแรกแย้ม หยดน้ำค้างหยดหนึ่งที่กลีบดอกยินดีเป็นยิ่งนัก ด้วยว่าวันนี้ได้มาพบกับสิ่งงดงาม หยดน้ำค้างยิ้มรับแสงตะวันก่อนที่จะกลายเป็นละอองพรายลอยตัวขึ้นสู่ท้องฟ้าอย่างร่าเริง

วันนั้นไม่ว่าจะเป็นสายลมละมุนหรือฝุ่นฝ้า หรือแม้แต่แสงแดดซึ่งทอแสงนวลกว่าที่เคยเป็น ต่างก็ร่วมชื่นชมไปกับ”ยังเยาว์” ผู้ซึ่งให้กำเนิดดอกไม้อันน่าถนุถนอม

รุ่งเช้าวันต่อมา ยังเยาว์ยิ้มรับแสงทองที่สาดต้องและสายลมที่พัดแผ่วอย่างร่าเริง แต่ดอกไม้น้อยกลับไม่เบิกบานดังเดิม เธอค่อยๆบิดตัวจากก้านดอก             แล้วร่วงปลิดปลิวลงสู่พื้นน้ำอย่างเงียบงัน

สายน้ำก็พัดพาเธอจากไป

แสงแดดยังทอแสงเจิดจ้าและสายลมยังพัดพาความอุ่นละมุน มีเพียงยังเยาว์เท่านั้นที่งงงันกับสิ่งที่เกิดขึ้น

ทำไมดอกไม้น้อยจึงทิ้งเขาไป
เธอผลิบานนำความอ่อนหวานไหวโปรยปรายมาให้เขาได้ชื่นชมเพียงชั่วครู่ แล้วก็จากไป
เขาไม่เข้าใจ ดอกไม้น้อยเกิดขึ้นมาจากเขา เป็นส่วนหนึ่งของชีวิตเขา
ทำไมเธอไม่อยู่กับเขาตลอดไป เมื่อเธอจากไป เขายังไม่รู้ว่าจะอยู่ต่อไปได้อย่างไร

ดอกไม้เอยเจ้าบานเมื่อวานนี้
กลีบเจ้าคลี่ผลิบานหวานอ่อนไหว
มาบัดนี้โรยร้างห่างหายไป
ทิ้งกิ่งใบต่อสู้อยู่ลำพัง
ดอกไม้เอ๋ยใจหนอรอข้าก่อน
แล้งแทบถอนวิญญาน้ำตาหลั่ง
หมดสิ้นแล้วน้ำเลี้ยงใจไร้กำลัง
กายจะฝังซวนซบกลบกลีบงาม

ยังเยาว์ตัดสินใจที่จะดึงตัวออกจากผืนดินแล้วทิ้งตัวลงลำธารตามดอกไม้หัวใจไป แต่เขาเป็นต้นไม้ซึ่งรากของเขาได้ฝังลึกลงไปเสียแล้ว

ไม่ว่าเขาจะใช้ความพยายามอย่างแรงกล้าสักปานใดก็ไม่เป็นผล เขารู้สึกอ่อนล้าไปทั้งกายและใจ ใบไม้หัวใจที่เคยเป็นสีเขียวสดใส ตอนนี้กลับลู่สลดทดท้อมีสีน้ำตาลเหลืองๆมาแซม

เขาจะอยู่ไปเพื่ออะไร แม้แต่ความคิดที่ไม่อยากอยู่ ก็ยังไม่สามารถทำตามใจปรารถนาได้

ยังเยาว์ร้องไห้ปริ่มว่าจะขาดใจ

เนานาน ผู้ซึ่งเฝ้ามองยังเยาว์อยู่นาน ได้ลู่เอนใบเขียวเข้มๆมาสัมผัสใบไม้หัวใจอันอ่อนระโหยของยังเยาว์

พร้อมพูดขึ้นว่า “เธอจะร้องไห้ให้กับสิ่งที่จากไปแล้วทำไม”

ยังเยาว์ตอบว่า “เพราะฉันรู้สึกว่าสิ่งที่จากไปนั้นคือชีวิตของฉัน”

“ตอนนี้เธอยังมีชีวิตอยู่ใช่ไหม”

“ใช่ แต่มันก็ไม่เหมือนเดิม”

“ทำไมหรือ”

“เพราะดอกไม้ได้นำเอาบางส่วนของชีวิตฉันไปด้วยเสียแล้ว” ยังเยาว์ตอบเสียงแผ่ว

“ฉันอยากให้เธอมองย้อนไปในวันที่เธอเพิ่งจะผลิใบบานขึ้นมาเป็นครั้งแรก วันที่ใบเขียวๆเพิ่งผลิรับแสงตะวัน วันนั้นเธอรู้สึกเช่นไร”

“….” ยังเยาว์นิ่งเงียบ

“ตอนนั้นดอกไม้ยังไม่เกิดขึ้น ชีวิตของเธอก็สดใสตราบเท่าที่เธอจะมีได้ แต่ครั้นมาดอกไม้เดินทางมาเธอก็คิดว่าดอกไม้นั้นเป็นของเธอ ”

“ดอกไม้ไม่ได้เดินทางมาจากไหนนะ เธอเกิดจากฉัน” ยังเยาว์ค้าน

“ดอกไม้นั้นไม่ใช่ของเธอหรอก แม้แต่กิ่งก้านที่ประกอบกันเป็นตัวเธอมันก็ไม่ใช่ของเธอ ดูนั่นสิ เห็นไหมใบไม้จากฉันร่วงพรูลงเกลื่อนกล่นดิน บ้างก็ร่วงสู่สายน้ำแล้วสายน้ำก็พัดพาใบไม้จากไปเช่นกัน นั่นขอนไม้ผุๆที่มีเห็ดราขึ้นอยู่ขอนนั้น เมื่อก่อนก็เป็นกิ่งก้านสาขาของฉัน   แต่ตอนนี้สิกลับเป็นที่อยู่อาศัยของเห็ดรา เพื่อนตัวน้อยๆของเรา             “เห็นไหมไม่มีอะไรเป็นของเราเลยสักอย่าง” เนานานพูดเสียยาว

ยังเยาว์ยังเงียบอยู่ เนานานก็เลยพูดขึ้นว่า

“ขอถามเธอสักคำเถอะ เธอจะว่าอย่างไรหากว่าฉันจะร้องไห้ให้กับสายน้ำที่ไหลไป”

“เธอจะทำอย่างนั้นไปทำไม สายน้ำต้องไหลไปเป็นธรรมดาอยู่แล้ว หากว่าเธอร้องไห้เพื่อสายน้ำเธอก็คงต้องร้องไห้ตลอดไป” ยังเยาว์ตอบ

“ใช่ เราไม่ควรจะร้องไห้ให้กับสายน้ำที่ไหลไป สรรพสิ่งที่ไหลไป” พูดจบเนานานก็เงียบ ปล่อยให้ยังเยาว์ครุ่นคิดอยู่โดยลำพัง

ยังเยาว์มองเห็นภาพของตัวเองจากสายน้ำ เงาสะท้อนภาพของต้นไม้ที่เต็มไปด้วยใบไม้รูปหัวใจงดงามแต่ลู่สลดอย่างไร้ชีวิตชีวา เงาในน้ำไหวพะเยิบพะยาบเพราะสายน้ำไหลไม่หยุดนิ่ง ดอกไม้สีขาวเล็กๆดอกหนึ่งลอยเอื่อยผ่านไป ดอกไม้นั้นดูช่างคล้ายกับดอกไม้หัวใจที่เพิ่งจากไป เขาอยากจะทัดทานเพื่อหยุดยั้งดอกไม้ไว้ บางทีต้นไม้ที่ดอกไม้จากมาอาจจะกำลังเศร้าโศกเหมือนที่เขากำลังเป็นอยู่ก็ได้

แต่เขาทำอย่างนั้นไม่ได้หรอก เนื่องด้วยสายน้ำก็ยังคงไหลไปเรื่อยๆ แม้ว่าเขาจะรั้งดอกไม้นั้นไว้ได้ แต่เขาจะรั้งเธอไว้เพื่ออะไร และตราบใดที่เธอยังล่องลอยท่ามกลางสายน้ำ

เธอก็ยังต้องเดินทางไปเรื่อยๆเช่นกัน

จากภาพพร่าเลือนเพราะสายน้ำไหล ยังเยาว์เห็นสีขาวเล็กๆแทรกตัวอยู่อย่างสงบเสงี่ยมท่ามกลางใบไม้หัวใจเขียวลู่หลับนั้น ดอกไม้หัวใจนั่นเอง ดอกไม้สีขาวอีกดอกที่กำลังเติบโต เขารู้สึกว่าเขายังต้องอยู่ต่อไป เพื่อดอกไม้หัวใจเล็กๆ นี้ที่กำลังจะผลิบานมาสร้างความสดใสให้ต้นไม้ใหญ่น้อยประดามี ณ ที่แห่งนี้สืบต่อไป

เมื่อใบไม้สีเขียวของยังเยาว์กลับมาแจ่มใสอีกครา

เมื่อนั้นเขารู้สึกว่าแสงแดดและสายลมยังอุ่นละมุนอยู่เช่นเดิม