เมื่อผมคิดเหมือนหมา : ปริญญา พิพัฒน์พร

เรื่องสั้น

สีนิลยกขาถ่างออกแล้วทาบเข้ากับล้อรถยนต์คันหนึ่ง น้ำสีเหลืองพุ่งออกมาจากส่วนปลายของอวัยวะที่อยู่ตรงกลางระหว่างขา เสียงซ่าของน้ำสีเหลืองกระทบขอบล้อแม็กซ์สะท้อนแสงแดดเป็นประกาย สีนิลยิ้มอย่างอารมณ์ดีกับผลงานของมัน

“อา!!! เกิดเป็นหมามันก็ต้องเยี่ยวเป็นธรรมดา เอ….แล้ววันนี้เราจะไปไหนดี ไปเสม็ดดีไหม รึจะไปดูหนัง”สีนิลคิดในใจ

“ไอ้เชี้..เยี่ยวใส่รถกูอีกแล้ว” เจ้าของรถบีเอ็มสีทองสบถออกมา พร้อมกับเอาตีนเขี่ยที่ล้อรถที่เป็นรอยเยี่ยวหมา

“ช่างมันเถอะคะเดี๋ยวมันก็แห้ง”สาวน้อยในชุดรัดติ้วพูดขึ้น

“แล้ววันนี้เราจะไปไหนกันดี…ไปเสม็ดดีไหม รึ!จะไปดูหนัง”
.
.
.
สีนิลตื่นแต่เช้า เดินโต๋เต๋ไปที่ลำคลองหาน้ำดื่มบ้วนปาก มันเดินหาอาหารเช้าเบาๆ กินรองท้องตามถังขยะที่เทศบาลเก็บไม่หมดเมื่อคืน วันนี้มันเริ่มรู้สึกเซ็งกับกิจวัตรประจำวันเดิมๆของตัวเองอีกแล้ว มันเคยได้ยินคนพูดกันว่า “เซ็งโว้ย” ไม่ยักรู้เหมือนกันแฮะ! ว่าหมาอย่างมันก็มีความรู้สึกแบบนี้ได้ด้วย

“ถ้าเราไม่เป็นหมาเราจะเป็นอะไรดี ไม่ซิ! ต้องเป็นหมาเราเป็นหมามาทั้งชีวิตจะเป็นอย่างอื่นไปได้ ยังไง”

สีนิลเฝ้าครุ่นคิดถามตัวเองตลอดทั้งวัน ถ้ามันไม่เป็นหมามันก็คงเป็นอย่างอื่นไม่ได้แล้ว คิดดูซิ!หมาเป็นสัตว์ที่ใกล้ชิดกับมนุษย์มากที่สุด กินเหมือนมนุษย์ นอนที่เดียวกับมนุษย์ เพราะฉะนั้นหมาจึงเป็นสิ่งที่ประเสริฐนัก

บางคนอาจเถียงว่า แมลงสาบซิเด็ด!เพราะมีชีวิตอยู่ได้เป็นล้านๆปีแต่สีนิลคิดว่า

“นั่นมันไม่มีศักดิ์ศรีโว้ยสู้หมาไม่ได้” ยิ่งคิดก็ยิ่งภูมิใจ….คอยดูนักฉันจะต้องเป็นหมาที่มีคนกล่าว

ขานมากที่สุด ได้รางวัลระดับโลก ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ!
.
.
.
BMWสีทองวิ่งผ่านถนนบางนา-ตราดมาด้วยความเร็ว มุ่งหน้าสู่เกาะเสม็ดสวรรค์ของคนรักทะเลที่ใกล้ที่สุดของคนกรุงเทพ คนขับรถหนุ่มในชุดเสื้อฮาวายกางเกงขาสั้น ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่เพราะวันนี้เขามีสาวสวยประจำบริษัทมานั่งเป็นตุ๊กตาหน้ารถ

“ทำงานหนักแล้วได้มาเที่ยวแบบนี้ดีจังเลยเนอะ….แคทว่าไหม”

“ฮื่อ! เบื่ออีตาสุพัชรโง่ยังกะควายไม่รู้เรื่องโฆษณาสักนิด” (น้องแคทคนสวยเป็นคนพูดจริงๆ สาบานได้)

“ทำงานแบบนี้เมื่อไหร่จะได้รางวัลว้า” ชายหนุ่มที่เพิ่งได้รับการโปรโมทเป็นผู้อำนวยการฝ่ายสร้าง

สรรค์พูดขึ้น แล้วยังเสริมทับลงไปอีกว่า

“ว่าก็ว่าเถอะตอนนี้ผมว่าบริษัทเราสุดยอด คอยดูนะแคทผมจะเป็นคนไทยคนแรกที่ได้รางวัล กรังปรีซ์”

“เอ๊ะ! ไม่ยักรู้ว่าคุณป่องขับรถแข่งด้วย”

โชคดีที่ BM ส่วนมากเป็นเกียร์ออโต้ ครีเอทีฟหนุ่มสะดุ้งเปลี่ยนเกียร์แทบไม่ทัน ในคำถามของน้องแคทคนสวยที่ฉลาดจังเมื่อเทียบกับลูกค้าที่เธอเรียกว่าควาย

“ฮะ…เฮ้ย กรังปรีซ์ไม่ใช่รถแข่งแต่เป็นรางวัลโฆษณาที่เมืองคานน์ ฝรั่งเศสโน่น”

“เหมือน Tact ที่จัดที่ศูนย์ประชุมนั่นเหรอคะ”

“เออ….แต่เฮ้ยเทียบกันได้ไง”

“โครม!!!!!” เสียงดังสนั่น สนั่นพอที่จะทำให้เซียนโฆษณาทั้งสองเปลี่ยนเรื่องคุย

“เสียงอะไรคะ?”

“ไม่รู๊!!”

“เหมือนรถเราชนอะไรซักอย่าง”

“ไม่มั๊ง”

“ไม่ลงไปดูหน่อยเหรอคะ”

“ไม่ดู!!”
.
.
.
เลือดสดๆแข็งตัวจับกันเป็นลิ่ม แมลงวัน แมลงหวี่ บินว่อนตอมกองเลือดนั่น นัยตาของสีนิลปิดสนิทลิ้นห้อยออกมานอกปาก ถ้ามันยังมีชีวิตอยู่นี้คืออาการของการยิ้มอย่างสบายใจ ถ้าลองก้มลงไปฟังใก้ลๆคุณจะได้ยินเสียงความคิดของสีนินดังก้องว่า….. เป็นครีเอทีฟโฆษณา…เป็นครีเอทีฟโฆษณา…ก่อนเลือนหายไปพร้อมกับลมหายใจเฮือกสุดท้าย.…