บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด รายงานราคาทองคำประจำวันที่ 7 พฤศจิกายน 2565
สรุป ราคาทองคำวันศุกร์ที่ผ่านมาปิดทะยานขึ้น 50.70 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ทั้งนี้ การทะยานขึ้นของราคาทองคำได้รับแรงหนุนจาก 2 ปัจจัย ได้แก่ (1) เกิดกระแสข่าวว่าจีนเตรียมผ่อนคลาย COVID-Zero Policy หลังสำนักข่าว Bloomberg รายงานว่า จีนเตรียมยกเลิกระบบ “เซอร์กิตเบรกเกอร์” (Circuit Breaker) ที่จะระงับเที่ยวบินระหว่างประเทศซึ่งมีการตรวจพบผู้โดยสารติดเชื้อ COVID-19 จำนวนมากที่สุดเข้าสู่จีน สถานการณ์ดังกล่าวหนุนเงินหยวนให้แข็งค่า ขณะที่สินทรัพย์เสี่ยงทั่วโลกทะยานขึ้น จนกดดันดัชนีดอลลาร์ให้เริ่มอ่อนค่าลง
(2) ตัวเลขในตลาดแรงงานสหรัฐบ่งชี้การชะลอตัวลง แม้ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรจะเพิ่มขึ้น มากกว่าในเดือน ต.ค. แต่ก็ชะลอตัวจากเดือน ก.ย. ขณะที่อัตราว่างงานเพิ่มขึ้นเกินคาดสู่ระดับ 3.7% ส่วนค่าจ้างในเดือน ต.ค.ก็เพิ่มขึ้นในอัตราที่ชะลอตัวลงจากเดือนก่อนหน้าเช่นกัน บ่งชี้การชะลอตัวในตลาดแรงงานซึ่งกระตุ้นการคาดการณ์ที่ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) มีแนวโน้มจะชะลอการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือน ธ.ค.
(3) เจ้าหน้าที่เฟดประสานเสียงส่งสัญญาณชะลอขึ้นดอกเบี้ยในอนาคต อาทิ นายชาร์ลส์ อีแวนส์ ประธานเฟดชิคาโก, นายทอม บาร์คิน ประธานเฟดริชมอนด์ และนางซูซาน คอลลินส์ ประธานเฟดบอสตัน ต่างออกมากล่าวสอดคล้องกันว่า เฟดพร้อมที่จะดำเนินการอย่างระมัดระวังมากขึ้น และเตรียมพิจารณาชะลอการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมครั้งหน้า
ซึ่งการคาดการณ์ดังกล่าวอยู่เบื้องหลังการร่วงลง 1.9% ของดัชนีดอลลาร์ซึ่งถือเป็นการร่วงลงในวันเดียวที่มากที่สุดนับตั้งแต่ พ.ย. 2015 จนเป็นปัจจัยหลักที่หนุนให้ราคาทองคำพุ่งขึ้นกว่า 3% จนแตะระดับสูงสุดในรอบ 3 สัปดาห์ที่ 1,681.91 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ด้านกองทุน SPDR ถือครองทองคำลดลง -4.63 ตัน
สำหรับวันนี้ไม่มีการเปิดเผยตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐ แต่แนะนำติดตามถ้อยแถลงของประธานเฟดคลีฟแลนด์ และประธานเฟดบอสตัน
คำแนะนำ เปิดสถานะซื้อ $1,666-1,649
จุดทำกำไร ขายเพื่อทำกำไร $1,717-1,698
ตัดขาดทุน ตัดขาดทุนสถานะซื้อหากหลุด $1,649